สอบ ‘เบิร์ด-เอก’ ปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ผบก.น.5 เชื่อมีคนชี้เป้า ปัดตร.เอี่ยว

หมายจับ '6 ผู้ต้องหา' ปล้นของกลางบุหรี่ไฟฟ้า ผบก.น.5 ถกทีมทำคดี เผยสอบ ‘เบิร์ด-เอก’ อ้าง 'แบงค์' วางแผน พบมีเงิน 270,000 เข้าบัญชี จ่อเชิญ จนท.กรมศุลฯ -ผู้กอง สน.ท่าเรือ ให้ข้อมูล
จากกรณีมีผู้ก่อเหตุก่อเหตุคดีลักทรัพย์ ของกลาง บุหรี่ไฟฟ้า กว่า 600 ชิ้น ภายในตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกจัดเก็บอยู่ในพื้นที่การท่าเรือฯ
ช่วงบ่าย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ข้อมูลว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ในคดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยทั้ง 6 คนถูกดำเนินคดี 5 ข้อหา
- ร่วมกันปล้นทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
- ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม
- ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป
- ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์
- ซ่องโจร
ขณะที่นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ ซึ่งเป็นตัวการใหญ่ ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหาคือ ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตน หรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้
ด้าน พล.ต.ต. วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดีที่ สน.ท่าเรือ โดยใช้เวลาการประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง จากนั้นเปิดเผยว่า ขณะนี้สามารถจับกุม ผู้ต้องหาได้แล้ว 4 ราย อยู่สน.2 ราย คือนายเอกชัย หรือเอก และนายนรินทร์ หรือเบิร์ด
ส่วนอีก 2 ราย คือ นายภียกร หรือคิง และนายธนทร หรือจี อยู่ที่ สภ.ปากช่อง และจะคุมตัวมาดำเนินคดีที่ กทม.วันนี้
ส่วนนายสุวัฒน์ หรือเล็ก และนายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเร่งติดตามนำตัวมาดำเนินคดีโดยเชื่อว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายยังอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับพื้นที่กทม.
ทั้งนี้จากการสอบปากคำ นายเอก และนายเบิร์ด ที่ถูกควบคุมอยู่ สน.ท่าเรือนั้น ผู้ต้องหาให้การเป็นประโยชน์ สอดคล้องกับแนวทางการสืบสวนก่อนหน้านี้ ซึ่งนายเอก และนายเบิร์ด เป็นกลุ่มที่วิ่งหนีจากที่เกิดเหตุ และมาร่วมกันขโมยของ โดยผู้ต้องหาทั้งสองอ้างว่า นายแบงค์เป็นคนจัดการทั้งหมด แล้วชวนมาร่วมขโมยของ ภารกิจหลักเป็นนายแบงค์ที่รวบรวมข้อมูลทั้งหมดแล้วชวนมาที่โกดัง ทั้งหมดเป็นคนในพื้นที่ และรู้จักกัน
ส่วนของที่ขโมยได้จะเอาไปขายหรือไม่นั้น จะต้องรอสอบปากคำก่อน รวมถึงจะสอบปากคำด้วยว่า ได้ส่วนแบ่งอย่างไร
ส่วนจะมีคนในชี้ หรือให้ข้อมูลหรือไม่ ในแนวทางการสืบสวนมีความเชื่อเช่นกันว่าจะมีคนชี้เป้า จึงยังไม่ตัดประเด็นนี้
ส่วนกลุ่มนี้ทำเป็นมืออาชีพหรือไม่นั้น ผู้ต้องหา 2 คน คือนายเบิร์ด และนายเอก อ้างว่านายแบงค์เพิ่งชวนครั้งนี้ แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะตู้ไม่มีลักษณะบ่งบอกว่า ตู้ใดเป็นของมีราคา หลังจากนี้จะต้องเชิญเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติมด้วย และขยายผลด้วย
ส่วนที่มีข้อมูลว่า นายเบิร์ดเป็นลูกน้องของตำรวจระดับผู้กกองของสน.ท่าเรือนั้น ได้เรียกตำรวจมาสอบถามข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งผู้กองฯ เคยใช้งานทำความสะอาดโรงพัก และงานเล็กๆน้อยๆ ไม่มีหน้าที่ภารกิจอื่นๆ จึงยืนยันได้ว่าตำรวจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักทรัพย์ และหากการขยายผลไปถึงใคร ยืนยันว่าไม่มีการละเว้นใดๆ ทั้งสิ้น
สำหรับพฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุทั้ง 6 ราย พบว่า มีตัวการหลักคือนายแบงค์ ที่เป็นคนชักชวนให้ผู้อื่นมาร่วมกันก่อเหตุ และไม่มีผู้ดูต้นทาง โดยหลังก่อเหตุเสร็จนายแบงค์ เป็นคนขับรถ และนายเล็กนั่งมาข้างๆ ที่เหลืออีก 4 คน วิ่งไปเปิดประตู เพราะ รปภ.จะปิดประตูไม่ให้ออก จากนั้นทั้ง 4 คนจึงวิ่งกระจัดกระจายกัน ตามภาพในกล้องวงจรปิด และนายแบงค์เป็นคนขับรถถอยไปชนผู้เสียชีวิต
หลังจากก่อเหตุ และชน รปภ.เสียชีวิตแล้ว ก็มีนายจี มาขึ้นรถในภายหลัง และนำของกลาง ไปฝากไว้ที่บ้านนายเจ ที่ฝากขังไปแล้ว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้ง 6 คนพบว่า นายแบงค์ มีคดีปล้นทรัพย์ที่สน.ท่าข้ามเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2567 / นายเอก ถูกดำเนินคดียาเสพติด ท้องที่สน.ท่าเรือ ปี 2558 / นายคิง คดีอาวุธปืน ท้องที่สน.บางรัก ปี 2563 และคดียาเสพติด ท้องที่สน.บางชัน ปี 2565 ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือยังไม่พบประวัติอาชญากรรม
จากที่ประชาชนเคยให้ข้อมูลว่าแก๊งนี้เคยก่อเหตุ ลักษณะนี้ในกรมศุลกากรบ่อยครั้ง พล.ต.ต.วิทวัฒน์ บอกว่า จากการตรวจสอบยังไม่พบว่ามีผู้ใดมาแจ้งความแต่ยินดีรับข้อมูลข่าวสารจากผู้แจ้งเบาะแสทุกราย และในพื้นที่สน.ท่าเรือ ยังไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้
ทั้งนี้ มีรายงานจากการสืบสวนเพิ่มเติม ด้วยว่า นายแบงค์ ที่เป็นตัวการสำคัญ และพวก เคยก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาแล้ว ก่อนจะมาเกิดเหตุครั้งนี้ จากการตรวจสอบพบข้อมูลว่า มีเส้นทางการเงินโอนเข้ามายังบัญชีของนายแบงค์ จำนวน 270,000 บาท เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 68 สอดคล้องกับคำให้การของนายแบงค์ ที่อ้างว่า เคยก่อเหตุลักขโมยบุหรี่ไฟฟ้าไปขายมาแล้ว แต่เจ้าตัวยังให้รายละเอียดไม่ชัดเจนว่า เป็นการก่อเหตุที่จุดเดียวกันนี้หรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบปากคำ เพิ่มเติม และขยายผล เพราะนายแบงค์ยังให้การวกวน
ส่วนยอดเงินที่เข้ามายังบัญชีของนายแบงค์ จำนวน 270,000 บาท จะมาจากการขายบุหรี่ไฟฟ้าที่ขโมยมาล็อตเดียวหรือหลายล็อตนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบเช่นกัน







