เปิดแผนจัดการน้ำเจ้าพระยา ปี 68 ดึงบึงบอระเพ็ดช่วยหน่วง

เปิดแผนจัดการน้ำเจ้าพระยา ปี 68 ดึงบึงบอระเพ็ดช่วยหน่วง

เปิดแผนจัดการน้ำเจ้าพระยา ปี 68: สทนช. ลงพื้นที่นครสวรรค์-ชัยนาท เร่งระบายน้ำก่อนฝนทิ้งช่วง ดึง 'บึงบอระเพ็ด' หน่วงน้ำสำคัญ เตรียมรับมือมวลน้ำปลายฤดูฝนอย่างยั่งยืน

นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ สทนช. ได้ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา และมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2568 ในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดชัยนาท เมื่อเร็วๆ นี้

ในช่วงเช้า รองเลขาธิการ สทนช. เป็นประธานการประชุมหารือการบริหารจัดการน้ำที่จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีนางสาวชุติพร เสชัง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ ห้องประชุมบึงบอระเพ็ด จากนั้นได้ลงพื้นที่ติดตามการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบริเวณรอบ บึงบอระเพ็ด ซึ่งถือเป็นพื้นที่หน่วงน้ำสำคัญ

ในช่วงบ่าย คณะฯ ได้เดินทางต่อไปยังจังหวัดชัยนาท เพื่อประชุมหารือแนวทางการบริหารจัดการน้ำบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา และการเตรียมความพร้อมการบริหารจัดการน้ำพื้นที่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ สำนักงานชลประทานที่ 12 พร้อมทั้งลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำบริเวณประตูระบายน้ำมโนรมย์

รองเลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งปัจจุบันมีฝนตกกระจายในหลายพื้นที่ตอนบนของเขื่อนเจ้าพระยา เช่น กำแพงเพชร พิจิตร สุโขทัย และอุทัยธานี ส่งผลให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น โดยที่สถานีวัดน้ำ C.2 จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 1,000-1,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งยังอยู่ในระดับประมาณ 30% ของความจุลำน้ำสูงสุดที่ 3,660 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำที่อาจเพิ่มขึ้นในช่วงปลายฤดูฝน กรมชลประทานจึงได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเป็น 900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และมีแนวโน้มจะเพิ่มถึงประมาณ 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำบางแห่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดอ่างทอง โดยทางจังหวัดได้แจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้าเพื่อเตรียมรับมือแล้ว

คาดว่าการระบายน้ำจะทยอยปรับลดลงในอีกประมาณ 1 สัปดาห์ เนื่องจากคาดการณ์ว่าจะมี ฝนทิ้งช่วง ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นโอกาสดีในการเร่งระบายน้ำเพื่อสร้างพื้นที่ว่างเหนือเขื่อน สำหรับรองรับปริมาณฝนที่คาดว่าจะตกเพิ่มขึ้นในช่วงปลายฤดูฝน เดือนสิงหาคมถึงตุลาคมนี้
 

ปัจจุบัน สทนช. ได้บริหารจัดการน้ำในลักษณะ กลุ่มลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งประกอบด้วย ลุ่มน้ำปิง วัง ยม น่าน สะแกกรัง ป่าสัก และท่าจีน ให้มีความสอดคล้องกัน เพื่อช่วยลดปริมาณน้ำสะสมบริเวณหน้าเขื่อนเจ้าพระยาให้ได้มากที่สุด โดยในช่วงนี้จะมีการเร่งระบายน้ำจากเขื่อนกิ่วลม-กิ่วคอหมา ในลุ่มน้ำวัง เขื่อนสิริกิติ์ และจากบางส่วนของแม่น้ำยม โดยเน้นระบายน้ำผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นหลัก เนื่องจากมีประสิทธิภาพการระบายสูง นอกจากนี้ ปริมาณน้ำที่ระบายออกมายังเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและเกษตรกรในช่วงที่ฝนทิ้งช่วงด้วย

สำหรับการบริหารจัดการน้ำของ บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นพื้นที่หน่วงน้ำสำคัญ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 73.86 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 31% ของความจุ ซึ่งยังมีศักยภาพในการรองรับน้ำได้อีกมาก สทนช. ได้บูรณาการร่วมกับจังหวัดนครสวรรค์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการบึงบอระเพ็ดเพื่อหน่วงน้ำอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยทุกภาคส่วนรวมถึงประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อประชาชนในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตลอดช่วงฤดูฝนปีนี้ ทั้งนี้ ทางจังหวัดนครสวรรค์ยังได้ส่งเสริมให้ทุ่งบัวแดงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสนับสนุนอาชีพและรายได้ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่รอบบึงบอระเพ็ดที่ได้รับผลกระทบอีกด้วย