หมอเตือน 'มะม่วงสุก-ทุเรียน' หวานธรรมชาติ แต่ไขมันพุ่ง พอกตับ

หมอเตือน 'มะม่วงสุก-ทุเรียน' หวานธรรมชาติ แต่ไขมันพุ่ง พอกตับ

นพ.ศุภฤกษ์ วิจารณาญาณ หรือ "หมอโอ๊ค DoctorSixpack" เตือนการกิน 'มะม่วงสุก-ทุเรียน' ได้ความหวานธรรมชาติ แต่อันตรายต่อสุขภาพ “ไขมันพุ่ง ไขมันพอกตับ” แนะปริมาณที่ควรกิน

หมอเตือน ต้องระวัง “นพ.ศุภฤกษ์ วิจารณาญาณ” หรือ "หมอโอ๊ค DoctorSixpack" เตือนการกิน 'มะม่วงสุก-ทุเรียน' ได้ความหวานธรรมชาติ แต่อันตรายต่อสุขภาพ “ไขมันพุ่ง ไขมันพอกตับ” แนะปริมาณที่ควรกิน

หมอเตือน 'มะม่วงสุก-ทุเรียน' หวานธรรมชาติ แต่ไขมันพุ่ง พอกตับ

ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น หลายคนอาจเข้าใจว่า "ผลไม้หวานธรรมชาติ" อย่างมะม่วงสุกและทุเรียนเป็นทางเลือกที่ดีแทนของหวานทั่วไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากบริโภคในปริมาณมากหรือบ่อยเกินไป อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ไม่น้อย 

นพ.ศุภฤกษ์ วิจารณาญาณ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "หมอโอ๊ค DoctorSixpack" ได้ออกมาเตือนผ่านเพจเฟซบุ๊ก ถึงโทษของการรับประทานมะม่วงสุกและทุเรียนเป็นประจำ

โดยชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ไขมันพอกตับ ระบบเผาผลาญผิดปกติ รวมถึงปัญหาหลอดเลือดและหัวใจ พร้อมแนะนำให้รับประทานอย่างพอดี เพื่อไม่ให้ความหวานธรรมชาติกลายเป็นภัยเงียบที่บั่นทอนสุขภาพในระยะยาว

โทษของความหวานจากมะม่วงสุกและทุเรียนหากทานประจำ

1. โทษของความหวานของมะม่วงสุก หากทานประจำ 

ปัญหาเรื่องน้ำตาลในเลือด

  • มะม่วงสุกมีปริมาณฟรุกโตสสูง ซึ่งสามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงและลดลงอย่างรวดเร็ว
  • การบริโภคน้ำตาลในปริมาณมากบ่อยครั้งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน
  • ฟรุกโตสไม่กระตุ้นความอิ่มเท่ากลูโคส อาจทำให้รู้สึกอยากกินของหวานมากขึ้น

ปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนักและระบบเผาผลาญ

  • ฟรุกโตสจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันโดยตรงที่ตับ ทำให้ไขมันสะสม โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องและรอบอวัยวะภายใน
  • น้ำหนักตัวอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • ระบบเมตาบอลิซึมทำงานผิดปกติ ทำให้การเผาผลาญพลังงานช้าลง
  • เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและกลุ่มอาการเมตาบอลิซึม
     

ปัญหาอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น

  • ฟันผุ: น้ำตาลสามารถเปลี่ยนเป็นกรดที่ทำลายเคลือบฟัน
  • ท้องเสีย: การได้รับใยอาหารและน้ำตาลในปริมาณมากอาจรบกวนระบบย่อยอาหาร
  • ขาดสารอาหารอื่น: การกินมะม่วงมากเกินไปอาจทำให้อิ่มเร็ว ส่งผลให้รับสารอาหารที่หลากหลายน้อยลง

หมอเตือน 'มะม่วงสุก-ทุเรียน' หวานธรรมชาติ แต่ไขมันพุ่ง พอกตับ

2. โทษของความหวานของทุเรียน หากทานประจำ 

ปัญหาเรื่องไขมันและคอเลสเตอรอล

  • ทุเรียนมีไขมันและน้ำตาลสูง อาจทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดพุ่งขึ้น
  • เสี่ยงต่อการเกิดภาวะไขมันพอกตับ เนื่องจากไขมันสะสมมากเกินไป
  • เพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) ทำให้หลอดเลือดอุดตัน
  • เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด

ปัญหาเรื่องความดันโลหิต

  • โซเดียมในทุเรียน เมื่อรวมกับไขมันและน้ำตาล อาจกระตุ้นให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
  • หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นในการสูบฉีดเลือดที่มีความหนืดสูง
  • เสี่ยงภาวะหัวใจล้าและโรคความดันโลหิตสูงในระยะยาว

ปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร

  • ไขมันในทุเรียนย่อยยาก ทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และกรดไหลย้อน
  • อาจทำให้ท้องผูก เนื่องจากร่างกายต้องใช้น้ำมากในการย่อยไขมัน ส่งผลให้ขาดน้ำ
  • ตับอาจอักเสบหากทำงานหนักเกินไปจากการเผาผลาญไขมันและน้ำตาล

ผลกระทบระยะยาว

  • การบริโภคทุเรียนมากเป็นประจำอาจนำไปสู่โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันสูง ไขมันพอกตับ และโรคหัวใจ
  • ระบบเผาผลาญอาจเสื่อมลง ทำให้ควบคุมน้ำหนักยากขึ้น

โรคเบาหวานชนิดที่ 2 จากความต้านทานอินซูลินและตับทำงานผิดปกติ โรคไตเรื้อรัง ไตทำงานหนักกรองน้ำตาลและของเสียจากไขมันมากเกินไป โรคหัวใจ จากไขมันเลือดสูงและความดันโลหิตสูงเรื้อรัง

ปริมาณที่ควรกิน “มะม่วงสุก ทุเรียน”

คำเตือนสำคัญ ทั้งมะม่วงสุกและทุเรียนควรทานในปริมาณพอดี ไม่เกินสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง และครั้งละไม่เกิน 100-150 กรัม ผลไม้หวานธรรมชาติไม่ได้หมายความว่าปลอดภัยเสมอ หากบริโภคมากเกินไปก็เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้เหมือนกับน้ำตาลทรายทั่วไป