เปิดสถิติเงินฝากอีสาน 10 ปีทอง โคราชผงาดแชมป์ ใครรุ่ง ใครร่วง?

เปิดสถิติเงินฝากอีสาน 10 ปีทอง โคราชผงาดแชมป์ ร้อยเอ็ดพุ่งแรง อำเภอไหนรวยขึ้น อำเภอไหนน่าห่วง ใครรุ่ง ใครร่วง? เบื้องหลังความมั่งคั่งที่เปลี่ยนไป เศรษฐกิจภาคอีสาน
ใครรุ่ง ใครร่วง? เปิดข้อมูลสถิติเงินฝากอีสาน 10 ปีทอง เมืองโคราชผงาดแชมป์ ร้อยเอ็ดพุ่งแรง เช็กเลย อำเภอไหนรวยขึ้น อำเภอไหนน่าห่วง เจาะลึกเบื้องหลังความมั่งคั่งที่เปลี่ยนไป อะไรคือเบื้องหลังความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจภาคอีสานที่กำลังก้าวเดิน
จากข้อมูลเชิงลึกที่เปิดเผยโดยเว็บไซต์ ISAN INSIGHT & OUTLOOK คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ฉายภาพการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในภาคอีสานผ่าน "สถิติเงินฝากของประชาชน" ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเผยให้เห็นถึงความมั่งคั่งที่กระจุกตัวในบางพื้นที่ และความท้าทายที่บางอำเภอต้องเผชิญ
ตารางเปรียบเทียบเงินฝาก 20 อำเภอสูงสุดในอีสาน (มีนาคม 2559 vs มีนาคม 2568)
หมายเหตุ: ข้อมูลประมาณการจากเงินฝากในสินเชื่อธนาคารพาณิชย์โดยเฉพาะอำเภอที่มีธนาคารพาณิชย์มากกว่า 4 แห่งขึ้นไป โดยมีการอ้างอิงข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย
5 อันดับอำเภอที่มีเงินฝากมากที่สุดในภาคอีสาน (มีนาคม 2568)
- อำเภอเมืองนครราชสีมา: 115,956 ล้านบาท
- อำเภอเมืองขอนแก่น: 94,464 ล้านบาท
- อำเภอเมืองอุดรธานี: 93,782 ล้านบาท
- อำเภอเมืองอุบลราชธานี: 53,708 ล้านบาท
- อำเภอเมืองร้อยเอ็ด: 28,834 ล้านบาท
เมืองใหญ่ยังคงแกร่ง: "หัวใจ" แห่งเศรษฐกิจอีสาน
ผลการสำรวจล่าสุดในเดือนมีนาคม 2568 ชี้ชัดว่า อำเภอเมืองนครราชสีมา ยังคงครองอันดับ 1 ด้วยยอดเงินฝากสูงถึง 115,956 ล้านบาท ตอกย้ำสถานะ "ประตูสู่ภาคอีสาน"
และศูนย์กลางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รองลงมาคือ อำเภอเมืองขอนแก่น (94,464 ล้านบาท)
และ อำเภอเมืองอุดรธานี (93,782 ล้านบาท) ซึ่งทั้งสามอำเภอเมืองนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
โคราช ประตูเศรษฐกิจอีสานที่ไร้เทียมทาน
"อำเภอเมืองนครราชสีมา" ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่เชื่อมโยงภูมิภาค แต่ยังเป็นแหล่งรวมความหลากหลายทางเศรษฐกิจ ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์, ภาคบริการ, การค้าปลีกสมัยใหม่ ไปจนถึงการเป็นเมืองการศึกษาที่ดึงดูดทั้งแรงงานและผู้ประกอบการ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ
รวมถึงการลงทุนจากภาคเอกชนในโครงการอสังหาริมทรัพย์และศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ล้วนเป็นแม่เหล็กดึงดูดเม็ดเงินให้ไหลเวียนและสะสมอยู่ในระบบเศรษฐกิจของเมืองนี้อย่างต่อเนื่อง
ขอนแก่น-อุดร เมืองคู่แฝดแห่งความมั่งคั่ง
อำเภอเมืองขอนแก่นและอุดรธานี ต่างก็เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคอีสาน มีการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดการจ้างงานและการค้าขายที่คึกคัก เงินฝากที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดสะท้อนถึงความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของประชาชนในพื้นที่
อำเภอเด่นนอกสายตา ศักยภาพที่ซ่อนอยู่
แม้เงินฝากส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ในอำเภอเมืองของแต่ละจังหวัด แต่ก็มีอำเภอที่น่าจับตาซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ ได้แก่
- อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
- อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี
- อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น
ซึ่งทั้งสามอำเภอนี้เป็นพื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยว ธุรกิจการค้าและบริการทั้งขนาดกลางและขนาดย่อมที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเป็นอำเภอขนาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูง
ร้อยเอ็ดพลิกโฉม ดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งอีสาน
หนึ่งในไฮไลท์ที่น่าสนใจคือ อำเภอเมืองร้อยเอ็ด ที่ขยับอันดับจาก 7 ขึ้นมาอยู่ที่ 5 ในปี 2568 โดยมียอดเงินฝากเพิ่มขึ้นถึง 10,738 ล้านบาท จาก 18,096 ล้านบาท เป็น 28,834 ล้านบาท การปรับตัวที่ดีขึ้นของร้อยเอ็ดนี้มาจากหลายปัจจัย ทั้งจากความแข็งแกร่งของภาคเกษตรกรรมที่เป็นฐานรากสำคัญของเศรษฐกิจจังหวัด
ซึ่งผลผลิตทางการเกษตรที่หลากหลายและมีราคาดีขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ได้เพิ่มกำลังซื้อและสภาพคล่องทางการเงินให้กับเกษตรกรและผู้เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทาน
นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในจังหวัด การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ รวมถึงการยกระดับบริการสาธารณะและสิ่งอำนวยความสะดวกในตัวเมือง ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินและสร้างความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยและการออมของประชาชนมากขึ้น
อำเภอที่ต้องเฝ้าระวัง ความท้าทายที่ซ่อนอยู่
ในขณะที่หลายอำเภอมีการเติบโตที่โดดเด่น ก็มีบางอำเภอที่ต้องเผชิญกับความท้าทาย อาทิ อำเภอเมืองหนองคาย ที่ร่วงจากอันดับ 5 มาอยู่ที่ 12 แม้เงินฝากจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่การเติบโตที่เชื่องช้าเมื่อเทียบกับอำเภออื่น สะท้อนว่าหนองคายอาจกำลังเผชิญกับความท้าทายในการดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ หรือการค้าชายแดนอาจไม่ได้เติบโตโดดเด่นเท่าที่เคยเป็นมา
อีกหนึ่งอำเภอที่หลุดจาก 20 อันดับ คือ อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น แม้ในปี 2568 จะมีเงินฝากเพิ่มขึ้นเป็น 10,364 ล้านบาท แต่เมื่อเทียบกับอำเภออื่นๆ ที่ก้าวขึ้นมาแทนที่ การที่อำเภอบ้านไผ่ไม่สามารถรักษาอันดับเดิมไว้ได้ แม้เงินฝากจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน อาจมาจากหลายปัจจัย เช่น
การพัฒนาและลงทุนขนาดใหญ่ในอำเภอเมืองขอนแก่นที่ดึงดูดเม็ดเงินมหาศาล ทำให้เงินทุนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ไหลไปรวมอยู่ในเมืองหลักมากกว่าจะกระจายตัวไปยังอำเภอใกล้เคียง
หรือแม้บ้านไผ่จะเป็นอำเภอที่มีศักยภาพด้านการเกษตรและเป็นจุดเชื่อมต่อการคมนาคม (ทางรถไฟและถนน) แต่ยังขาดโครงการลงทุนขนาดใหญ่ หรือการพัฒนาอุตสาหกรรมหรือบริการที่โดดเด่นและสามารถสร้างการจ้างงานและรายได้ในวงกว้าง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสะสมเงินฝากในอัตราที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับอำเภออื่นๆ ที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว
วิเคราะห์ภาพรวมเงินฝากอีสานเปลี่ยนไปอย่างไร?
สถิติเงินฝากในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของภาคอีสานได้อย่างชัดเจน โดยมีข้อสังเกตที่สำคัญดังนี้
การกระจุกตัวของความมั่งคั่ง
เงินฝากส่วนใหญ่ยังคงกระจุกตัวอยู่ในอำเภอเมืองที่เป็นศูนย์กลางของแต่ละจังหวัด แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของเมืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของบางอำเภอนอกเมือง เช่น ปากช่อง วารินชำราบ และชุมแพ ก็เป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงถึงศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น
การเติบโตที่แตกต่างกัน
แม้หลายอำเภอจะมีเงินฝากเพิ่มขึ้น แต่การเติบโตของแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ อำเภอที่สามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ดึงดูดการลงทุน และส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หลากหลาย จะมีแนวโน้มที่จะมียอดเงินฝากเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ร้อยเอ็ด ต้นแบบการฟื้นตัว
กรณีของอำเภอเมืองร้อยเอ็ด ถือเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของการปรับตัวที่ดีขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนทั้งจากภาคเกษตรกรรมที่แข็งแกร่ง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งสามารถเป็นบทเรียนสำหรับอำเภออื่นๆ ในการพัฒนาเศรษฐกิจของตนเอง
ความท้าทายที่รออยู่
อำเภอที่มีการเติบโตช้าลง เช่น อำเภอเมืองหนองคาย และอำเภอบ้านไผ่ ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายในการดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ และการพัฒนาเศรษฐกิจให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ซึ่งต้องอาศัยการวางแผนและยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินและสร้างโอกาสในการออมของประชาชน
มุมมองที่กว้างกว่าเงินฝาก
สิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจคือ "จำนวนเงินฝากในบัญชีธนาคาร" อาจไม่ได้สะท้อนความมั่งคั่งทั้งหมดของแต่ละคนเสมอไป เนื่องจากในปัจจุบันผู้คนมีทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหุ้น กองทุน ทองคำ หรืออสังหาริมทรัพย์ เพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากที่ค่อนข้างต่ำ
นอกจากนี้ การเก็บเงินสดส่วนหนึ่งเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป ดังนั้น การประเมินสถานะเศรษฐกิจของแต่ละพื้นที่จึงต้องพิจารณาจากปัจจัยอื่นๆ ประกอบกันด้วย
โดยสรุปแล้ว สถิติเงินฝากในภาคอีสานเป็นดัชนีชี้วัดที่สำคัญในการทำความเข้าใจพลวัตทางเศรษฐกิจของภูมิภาค แต่ก็จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบ เพื่อให้เห็นภาพรวมที่สมบูรณ์และนำไปสู่การวางแผนพัฒนาที่เหมาะสมต่อไป
อ้างอิง : isaninsight







