เดินหน้า! แก้ 'แม่น้ำกก' ปนเปื้อนสารหนู เร่งถกเมียนมา 27 พ.ค. นี้

รัฐบาล เร่งเครื่องแก้ไขปัญหาน้ำแม่น้ำกกปนเปื้อนสารหนู หลังประชาชนเดือดร้อนมานาน "ประเสริฐ จันทรรวงทอง" นั่งประธานคณะอนุกรรมการฯ พร้อมนัดถกเมียนมา หวังหาทางออก
วันนี้ (22 พ.ค. 68) รัฐบาลไทยเดินหน้าอย่างเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนในแม่น้ำกก ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568
ล่าสุด นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้ง คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน โดยดำรงตำแหน่งประธานคณะอนุกรรมการด้วยตนเอง เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
คณะอนุกรรมการชุดนี้มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นรองประธาน โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นอนุกรรมการอย่างคับคั่ง เพื่อร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์ สภาพปัญหา และสาเหตุที่ส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำอย่างละเอียด รวมถึงกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหา การฟื้นฟูการปนเปื้อน การบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และที่สำคัญคือการเจรจาระหว่างประเทศเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษจากภายนอกประเทศ
ที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำ ตะกอนดิน การปนเปื้อนในสัตว์น้ำ และการสะสมในร่างกายมนุษย์ อีกทั้งยังได้นำนวัตกรรมดาวเทียมและเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศมาใช้ในการบ่งชี้แหล่งที่มาของมลพิษเพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ นอกจากนี้ยังใช้กลไกความร่วมมือทางการทูตและการทหารผ่านคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) ระหว่างไทยกับประเทศเมียนมา เพื่อแก้ไขปัญหาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้าน
รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นลำดับต้น การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการในครั้งนี้จึงเป็นการเร่งรัดและติดตามการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด โดยมีการกำหนดจัดการประชุมคณะอนุกรรมการนัดแรกในวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ณ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลการดำเนินงานที่ผ่านมา พร้อมพิจารณาจัดทำระบบดักตะกอนในแม่น้ำกกเพื่อลดการปนเปื้อนของสารหนูในน้ำ รวมถึงการหารือกับรัฐบาลประเทศเมียนมาในประเด็นปัญหาการปนเปื้อน เพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างยั่งยืน







