ยุทธศาสตร์ชีวิตเชิงบูรณาการ: สร้างกำไรชาตินี้-ลดความเสี่ยงชาติหน้า

ยุทธศาสตร์ชีวิตเชิงบูรณาการ: สร้างกำไรชาตินี้-ลดความเสี่ยงชาติหน้า

ยุทธศาสตร์การใช้ชีวิตเชิงบูรณาการ ถึงความจริงจะมีหนึ่งเดียว แต่ในเมื่อเราไม่เคยตาย (หรือจำไม่ได้ว่าเคยตาย) ผมเลยให้ AI วิเคราะห์โดยใช้สมมติฐานความน่าจะเป็นของทั้ง 4 ฉากทัศน์อิงจากผลสำรวจและคำนวณเป็นยุทธศาสตร์เชิงบูรณาการ โดยได้ผลลัพธ์ออกมาเป็น 3 ยุทธศาสตร์

“พวกเราเริ่มใช้ชีวิตครึ่งหลังกันแล้วนะ”

เพื่อนผมคนหนึ่งพูดขึ้นมาในวงสนทนาของเพื่อนรุ่นเดียวกัน ซึ่งพอเสิร์ชอายุขัยเฉลี่ยคนไทยแล้วเทียบกับอายุของผมก็พบว่า จริงแฮะ! ใช้เวลาชีวิตเท่าเดิมอีกรอบก็น่าจะตายแล้ว

“ถ้าชาติหน้ามีจริง แล้วเกิดมาแย่กว่าชาตินี้ พวกนายจะโอเคไหม?” ผมถามต่อ

“ไม่โออ่ะ” เพื่อนทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน

ผมลองตั้งโพลบนระบบดีโหวตสำรวจความคิดเห็นด้วยค่าความเชื่อมั่นร้อยละ 89 ในหัวข้อ “คุณเชื่อว่าชาติหน้ามีจริงหรือไม่?” ด้วยความอยากรู้ว่าคนคิดว่าจะไปไหนกันบ้างหลังหมดอายุขัย ได้ผลน่าสนใจดังนี้ครับ

1. ชาติหน้ามีจริง มีภพภูมิหลายหลาย – 31.3%

2. โลกหลังความตายมีจริง ขึ้นสวรรค์หรือลงนรก – 11.9%

3. ชาติหน้าไม่มีจริง ตายแล้วหายไปเลย ว่างเปล่า – 34.4%

4. ไม่แน่ใจ เป็นไปได้ทั้งหมด – 22.4%

อิทธิพลของความเชื่อต่อฉากทัศน์ในชาติหน้าต่อการใช้ชีวิต

ฉากทัศน์ 1 ชาติหน้ามีจริง มี “ภพภูมิ” หลากหลาย: มีสิ่งที่เรียกว่าสังสารวัฏ (Transmigration) โดยมีทั้งภพภูมิที่มีความทุกข์เป็นหลัก (นรก-สัตว์) ภพภูมิกลางๆ (มนุษย์) และภพภูมิที่มีความสุขเป็นหลัก (สวรรค์) แต่ทุกภพภูมิเป็นเพียงภาวะชั่วคราว เมื่อหมดอายุขัยก็จะเวียนไปเกิดใหม่โดยมีการกระทำของตัวเองเป็นตัวชี้ว่าจะไปไหนและจะสุขสบายเพียงใด ซึ่งจากการศึกษาพบว่าระดับการทำบุญ-รักษาศีล-ความพึงพอใจในการใช้ชีวิต มีความสัมพันธ์กับความแข็งแรงในความเชื่อเรื่องบุญ-บาปและชาติหน้าของคนกลุ่มนี้

ฉากทัศน์ 2 มีสวรรค์หรือนรกนิรันดร์รอเราอยู่: ชีวิตนี้คือชีวิตเดียวและเมื่อตายไปจะมีการพิพากษาเพื่อตัดสินว่าเราจะได้ขึ้นสวรรค์หากทำความดี หรือลงนรกหากทำบาปหนักหรือตามที่บัญญัติไว้ และจะอยู่ที่นั่นเป็นนิรันดร์ ซึ่งการศึกษาพบว่าความเชื่อเรื่องการตอบแทนหลังความตายที่มากขึ้นจะส่งผลถึงพฤติกรรมในเชิงจริยธรรมและสภาวะที่สบายใจ (Mental Well-being) ที่มากกว่า

ฉากทัศน์ 3 ชาติหน้าไม่มีจริง: ความตายคือจุดจบ ไม่มีวิญญาณใดอยู่ต่ออีกแล้วหลังตายไป ซึ่งแม้จะพบว่าอาชญากรส่วนมากมักไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ในอนาคตเมื่อกระทำความผิด แต่ถ้าคุณเชื่อแบบกลุ่มนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณมีแนวคิดแบบอาชญากรนะครับ (><) เพราะคนกลุ่มนี้ล่ะที่มีแนวคิดที่แข็งแรงกว่าใครในเรื่องของความเท่าเทียม หลายคนตั้งใจใช้ชีวิตเพียงครั้งเดียวนี้ให้เป็นประโยชน์ และผลักดันให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม โดยไม่ได้หวังผลตอบแทนในชาติหน้าเลย

ฉากทัศน์ 4 ไม่แน่ใจ: คนกลุ่มนี้ไม่แน่ใจว่าชาติหน้ามีจริงหรือไม่ อาจยังไม่เชื่อ แต่ก็ยังไม่ปฏิเสธ ซึ่งจากการศึกษาพบว่าคนกลุ่มนี้มักมีความกังวลใจในการใช้ชีวิต เพราะไม่แน่ใจว่าควรดำเนินชีวิตแบบใดดี หลังความตายจะเผชิญความจริงแบบไหน รวมถึงอาจมีความทุกข์มากเมื่อต้องสูญเสียคนที่รักเพราะไม่มีคำตอบในเรื่องนี้ให้สบายใจ ซึ่งกลุ่มนี้ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ดีนะครับ เพราะหลายคนที่มีความสงสัย มีการตั้งคำถาม ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเริ่มค้นหาคำตอบและเรียนรู้ความจริง ซึ่งท้ายที่สุดอาจดีกว่าผู้ที่เชื่ออย่างงมงาย

ยุทธศาสตร์การใช้ชีวิตเชิงบูรณาการ

ถึงความจริงจะมีหนึ่งเดียว แต่ในเมื่อเราไม่เคยตาย (หรือจำไม่ได้ว่าเคยตาย) ผมเลยให้ AI วิเคราะห์โดยใช้สมมติฐานความน่าจะเป็นของทั้ง 4 ฉากทัศน์อิงจากผลสำรวจและคำนวณเป็นยุทธศาสตร์เชิงบูรณาการ โดยได้ผลลัพธ์ออกมาเป็น 3 ยุทธศาสตร์ดังนี้ครับ

ยุทธศาสตร์ 1 การพนันของปาสคาล (Pascal’s Wager) – 43.2%: การใช้ชีวิตเหมือนเดิมพันว่าพระเจ้ามีจริง เพราะถ้าไม่มีจริงก็เสียผลประโยชน์แค่ระดับหนึ่ง (เช่น ความบันเทิง) แต่ถ้ามีจริงจะได้ผลประโยชน์มหาศาล (เช่น ขึ้นสวรรค์) และหลีกเลี่ยงการเสียผลประโยชน์มหาศาล (ตกนรก) ซึ่งถ้าประยุกต์แนวคิดนี้กับฉากทัศน์ชาติหน้าที่เป็นไปได้หลายรูปแบบจะพบว่า การทำดีจะได้ผลตอบแทนที่สูงในฉากทัศน์ที่ 1 (มีหลายภพภูมิแต่ไม่นิรันดร์) และ 2 (มีสวรรค์-นรกนิรันดร์) หรือถึงขั้นปฏิบัติธรรมเพื่อ “Exit” จากสังสารวัฏในฉากทัศน์ที่ 1 และอาจเสียโอกาสเพลิดเพลินในฉากทัศน์ที่ 3 (ตายแล้วจบ) แต่ถ้าพิจารณาถึงผลประโยชน์ในปัจจุบัน เช่น ความสงบสุข ความสัมพันธ์และความชื่นชมที่ได้จากผู้อื่น สิ่งนี้ก็อาจให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าแม้ในฉากทัศน์ที่ 3

ยุทศาสตร์ 2 การตัดสินใจรองรับทุกฉากทัศน์แบบ Robust Decision-Making (RDM) – 37.5%: ไม่จำเป็นต้องทำนายอนาคต แต่หาทางเลือกที่จะทำได้ดีในฉากทัศน์ที่หลากหลาย หา “จุดร่วม” ของหลักทางศีลธรรมและจริยธรรมที่สอดคล้องกันในหลายความเชื่อหรือเป็นสากล และสร้างแนวทางการใช้ชีวิตเฉพาะของตนเองที่สอดคล้องกับหลักการเหล่านั้น

ยุทศาสตร์ 3 การปรับแผนเชิงพลวัตผ่าน Real Options – 19.3%: จากทฤษฎีการเงินที่แสดงถึงสิทธิ์-แต่ไม่ใช่ข้อผูกมัด การตัดสินใจลงทุนในการใช้ชีวิตอาจสามารถรักษาความยืดหยุ่นและทางเลือกไว้ ปรับเปลี่ยนได้เมื่อมีข้อมูลหรือประสบการณ์ใหม่เข้ามา ซึ่งสามารถเสริมด้วยเทคนิคอื่นๆ เช่น การออมในสัดส่วนที่เหมาะสม (% ทำบุญจากรายได้) การกระจายความเสี่ยง และการสร้างสมดุลระหว่างปัจจุบันและอนาคต

ขอให้พบยุทธศาสตร์ชีวิตที่เหมาะกับตนเองและไม่ขาดทุนกันนะครับ