ไฟไหม้โกดังเฟอร์นิเจอร์ ลาม 24 ชม. 'เอกนัฏ' สั่งระดมโฟมดับเพลิง

วันนี้ (12 พ.ค.68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์เหตุ เพลิงไหม้โกดังเฟอร์นิเจอร์ ชุดครัวและตู้ครัว แบรนด์ คิงส์คิทเช่น ของ บริษัท สยามเฮ้าส์ แอนด์ โฮม จำกัด ภายในซอยฉลองกรุง 55 ถนนฉลองกรุง แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเพลิงได้โหมกระหน่ำต่อเนื่องมานานกว่า 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ช่วงเย็นของวานนี้ (11 พ.ค.) โดยเจ้าหน้าที่ยังคงระดมกำลังดับเพลิงที่ยังคงปะทุอยู่ภายในซากอาคาร

นายเอกนัฏ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานว่าภายในโกดังดังกล่าวมีเม็ดพลาสติกจำนวนมากถึง 300 ตัน ซึ่งถูกเผาไหม้จนเกิดควันพิษ ส่งผลกระทบต่อประชาชนและชุมชนโดยรอบ จึงได้สั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ประสาน บริษัท บางจาก จำกัด (มหาชน) เพื่อขอรับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่และโฟมดับเพลิงจำนวน 15,000 ลิตร เพื่อเร่งระงับเหตุ

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) นำรถโมบายปฏิบัติการเคลื่อนที่ตรวจวัดคุณภาพอากาศ จำนวน 2 คัน เข้ามายังพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจวัดระดับมลพิษทางอากาศอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งให้ กรอ. เก็บตัวอย่างน้ำในคลองและแหล่งน้ำใกล้เคียงโรงงาน เพื่อตรวจสอบการปนเปื้อนของโลหะหนักหรือสารพิษ

นายเอกนัฏ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากรายงานเบื้องต้นพบว่า โกดังที่เกิดเพลิงไหม้มีการจดทะเบียนขออนุญาตก่อสร้างดัดแปลงอาคาร และประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ กับทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยเป็นนิติบุคคลคนละแห่งกับบริษัทที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงโรงงาน ซึ่งตนเองได้พูดคุยกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แล้ว โดยเมื่อสถานการณ์คลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ กระทรวงอุตสาหกรรมจะประสานความร่วมมือกับ กทม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อตรวจสอบรายละเอียดของสาเหตุเพลิงไหม้ รวมถึงประเด็นที่ผู้ประกอบการได้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดหรือไม่

"ขณะนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการระงับเหตุและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็วที่สุด ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานในสังกัดจะให้การสนับสนุนปฏิบัติการดับเพลิงอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งเฝ้าติดตามและตรวจสอบระดับมลพิษในอากาศและแหล่งน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อรายงานผลให้ กทม. และประชาชนได้รับทราบโดยตลอด นอกจากนี้ จะประสานงานกับทาง กทม. เพื่อสืบสวนหาสาเหตุของเพลิงไหม้ และตรวจสอบการขออนุญาตประกอบกิจการหรือดัดแปลงอาคารว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ รวมถึงมาตรการด้านความปลอดภัยและมลภาวะด้วย" นายเอกนัฏ กล่าวทิ้งท้าย