เปิดบริษัทหลอกไปทำงาน ตปท. เหยื่อนับร้อยฟัน 30 ล้าน บุกจับเจ๊คนดัง

บุกจับเจ๊คนดัง เปิดบริษัทหลอกคนไทย ไปทำงานต่างประเทศ พบผู้เสียหาย 100 ราย ความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท
กรณีตำรวจบุกจับเจ๊คนดัง เปิดบริษัทหลอกคนไทย ไปทำงานต่างประเทศ พบผู้เสียหาย 100 ราย ความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ร่วมกันจับกุม หญิงไทยรายหนึ่ง ในความผิดฐาน
- ร่วมกันจัดหางานให้คนงานเพื่อไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนกลางฯ
- ร่วมกันฉ้อโกงฯ
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ต.ม่วงค่อม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี
สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณปลายปี 2557 ผู้เสียหายกว่า 100 คน เข้าร้องทุกข์ต่อกรมการจัดหางาน กรณีถูกผู้ต้องหา ในนามบริษัทแห่งหนึ่ง หลอกลวงว่าสามารถส่งไปทำงาน รูปแบบเป็นงาน
- พ่อครัว
- แม่บ้าน
- เกษตรกร
ในประเทศต่าง ๆ ได้ อาทิ ประเทศ
- แคนาดา
- นิวซีแลนด์
- โปรตุเกส
โดยมีการเรียกเก็บค่าดำเนินการ 300,000 – 400,000 บาทต่อคน อ้างว่าเป็นค่าประกันวีซ่า ตั๋วเครื่องบิน ค่าส่งเอกสารไปต่างประเทศ
แต่เมื่อถึงตามกำหนดนัด กลุ่มผู้เสียหายกลับไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้จริง เมื่อสอบถามกลับได้รับการบ่ายเบี่ยงว่านายจ้างที่ต่างประเทศยังไม่พร้อมรับตัวคนงาน ขอเลื่อนการเดินทางเรื่อยมา จนกระทั่งกลุ่มผู้เสียหายทนไม่ไหว ขอเงินคืน แต่ก็ไม่ได้รับการชดใช้เงินคืน และสุดท้ายไม่สามารถติดต่อได้
ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหา เป็นที่รู้จักในชื่อว่า “เจ๊ จ.” ทำงานเป็นผู้ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ที่ศูนย์ทดสอบมาตรฐานแรงงานเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว
สามารถลงนามในใบรับรองฝีมือแรงงานที่เป็นเอกสารสำคัญในการใช้ยื่นเพื่อไปทำงานต่างประเทศ ทำให้มีคนงานรู้จักจำนวนมาก และมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งให้ความไว้วางใจแก่คนหางาน
จากนั้นได้ไปเปิดบริษัทขึ้นมา เพื่อจัดหาคนงานไปทำงานที่ต่างประเทศ ได้แก่ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศแคนาดา และประเทศโปรตุเกส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553-2557 มีคนงานมาสมัครตลอดระยะเวลาที่เปิดบริษัท รวมกว่า 100 คน จ่ายเงินค่าดำเนินการให้ผู้ต้องหารายนี้ แต่ก็ไม่สามารถบินไปทำงานต่างประเทศได้จริง เกิดความเสียหายอย่างมาก มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 30 ล้านบาท
เมื่อรับเรื่องดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่กองการตรวจและคุ้มครองคนหางาน กรมการจัดหางาน จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคม. ให้ดำเนินคดีกับ บริษัทดังกล่าว
จากการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์ทางทะเบียนจากกรมการจัดหางาน ปรากฏว่า ผู้ต้องหาและบริษัทดังกล่าว ได้ถูกกรมการจัดหางาน มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตไปตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2554 เนื่องจากได้เคยกระทำความผิดหลอกลวงคนงานมาก่อน
บริษัทจึงไม่ได้รับอนุญาตให้จัดหางานให้คนงานเพื่อไปทำงานต่างประเทศ รวมทั้งเงินหลักประกันที่บริษัทวางไว้ต่อกรมการจัดหางาน จำนวน 5,000,000 บาท ก็ได้ถูกกรมการจัดหางานมีคำสั่งหักเพื่อคืนให้แก่คนงานที่ร้องทุกข์ไว้จนหมด ไม่เพียงพอที่จะหักคืนให้แก่ผู้เสียหายได้ครบถ้วนทุกราย
ต่อมา พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคม. ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับ จนกระทั่ง ทำการจับกุมผู้ต้องหา นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
อ้างอิง CIB







