หลอกบริษัทดัง โอนเงิน 228 ล้าน จับ 8 กรรมการบริษัท แฉขบวนการข้ามชาติ

สะเทือนวงการ! ลวงหลอกบริษัทดังญี่ปุ่น โอนเงินเข้าบริษัทในไทย 228 ล้าน จับ 8 กรรมการบริษัท แฉเปิดโปงขบวนการข้ามชาติ
กลายเป็นสะเทือนวงการ! กรณีลวงหลอก บริษัทดังญี่ปุ่น หลอกโอนเงิน เข้าบริษัทในไทย 228 ล้าน จับ 8 กรรมการบริษัท แฉเปิดโปงขบวนการข้ามชาติ
วันศุกร์ที่ 9 พ.ค.68 เวลา 10.00 น. ที่บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย
- พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร.,
- พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท.
- พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท.
- พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท.
- พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท.
- พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1
พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์รวบแก๊งไทยเทา ร่วมแอฟริกันตะวันตกลวงข้ามชาติ หลอกบริษัทดังในญี่ปุ่นโอนเข้าไทยกว่า 228 ล้าน
หลอกบริษัทดังญี่ปุ่น โอนเงินเข้าบริษัทในไทย 2.28 ร้อยล้าน
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 เม.ย.68 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญงานติดตามและสืบค้นการทุจริตอาวุโส ธนาคารพาณิชย์ของประเทศไทย
ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบและป้องกันทุจริต โดยฝ่ายระบบ swift ระบบการโอนเงินระหว่างประเทศ ของธนาคารพาณิชย์ของประเทศไทย ได้รับแจ้งจากธนาคารชื่อดังของประเทศญี่ปุ่นว่า ได้พบบัญชี Fraud การฉ้อโกงทางการเงิน การฉ้อโกงทางอินเทอร์เน็ต (Cyber Fraud) ผ่านหน่วยเงินโอนต่างประเทศ
จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อเวลา 13.42 น. ของวันดังกล่าว บริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ได้มีคำสั่งโอนเงินไปที่บริษัทคู่ค้าแห่งหนึ่ง เพื่อทำการค้าระหว่างกัน
แต่บริษัทชื่อดังดังกล่าว ได้ถูกหลอกลวงให้โอนเงินเข้ามาที่บัญชีธนาคารพาณิชย์ของประเทศไทย ชื่อบัญชี บริษัทคู่ค้าดังกล่าว ในประเทศไทยเป็นเงินจำนวน 228,543,909.28 บาท (228 ล้านบาท)
จับ 8 กรรมการบริษัท แฉเปิดโปงขบวนการข้ามชาติหลอกโอนเงิน
จากการตรวจสอบโดยละเอียด พบว่าหลังการโอนเงินในช่วงเวลา 17.31 น. นาย ว. ได้ถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารของบริษัทคู่ค้าแห่งหนึ่ง ในประเทศไทย จำนวน 3 ล้านบาท
และเวลา 18.05 น. นาย ว. ได้ถอนเงินออกจากบัญชีดังกล่าวอีกครั้ง เป็นจำนวนเงิน 10 ล้านบาท โดยภายหลังธนาคารได้รับแจ้งว่าเป็นบัญชีที่ได้รับโอนเงินจากการกระทำการผิดกฎหมาย จึงได้อายัดและประสานงาน บช.สอท. เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ต่อมา พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผกก.1 บก.สอท.1 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนกรณีดังกล่าว
กระทั่งพบข้อมูลว่าบริษัทคู่ค้า ตั้งอยู่ในพื้นที่ ถ.เคหะร่มเกล้า แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กทม. ได้จดทะเบียนนิติบุคคลประเภท บริษัท ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจขายส่งยานยนต์เก่า โดยมีคนไทยเป็นคณะกรรมการ 3 ราย
มิจฉาชีพ ได้ให้ผู้ต้องหากลุ่มนี้ปลอมอีเมลให้คล้ายชื่อบริษัทคู่ค้า จากนั้นได้แจ้งเจ้าหน้าที่ของบริษัทญี่ปุ่นว่า บริษัทของตนเปลี่ยนบัญชีรับโอนเงิน เมื่อเจ้าหน้าที่บริษัทญี่ปุ่นหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินให้กว่า 228 ล้านบาท
หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายจับกรรมการบริษัททั้ง 3 รายได้
ต่อมา เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 28 เม.ย. 68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.1 ได้จับกุมตัวนาย ว. ได้ที่ กก.1 บก.สอท.1 ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม.
และในช่วงเย็นของวันที่ 29 เม.ย. 68 ได้จับกุมตัวนางสาว ว. และนาย อ. ได้ที่บริเวณปากซอยเพิ่มพัฒนา หมู่ 5 ต.ยายชา อ.สามพราน จ.นครปฐม
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.1 ได้สืบสวนขยายผลเพิ่มเติม พบหลักฐานว่า ชายชาวต่างชาติ ชาวไนจีเรีย มีภรรยาชาวไทยชื่อ นางสาว พ.
โดยชาวไนจีเรียคนดังกล่าวเป็นผู้ใช้ให้นาย ว. ไปเปิดบริษัทต่าง ๆ และเปิดบัญชีธนาคารเป็นชื่อบริษัทดังกล่าวก่อนหน้านี้ จนนำไปสู่การจับกุมตัว นางสาว พ. ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเบิกเงินร่วมกับ นาย ว. ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้
นางสาว พ. ยอมเปิดเผยข้อมูลว่า ก่อนมีการโอนเงินจำนวนกว่า 228 ล้านบาทเข้ามาให้ชายสัญชาติไนจีเรีย สามีของตนเอง ได้เป็นผู้ส่งข้อมูลภาพใบแจ้งหนี้ของบริษัทคู่ค้า มาให้ตนเอง ผ่านแอปพลิเคชัน WhatsApp และได้ส่งภาพดังกล่าวให้ นาย ว. เพื่อปรินต์แล้วนำไปประกอบเพื่อยืนยันกับธนาคารในการถอนเงิน
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจพบหลักฐานว่า นาย ว. ได้เตรียมนำฝากเงิน จำนวน 100 ล้านบาท ไปยังบัญชีธนาคารของบริษัทจำกัด ซึ่งจดทะเบียนประกอบกิจการค้า วัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้าง โดยมีนาย ภ. และนาย ส. เป็นกรรมการบริษัท จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับเพิ่มอีกทั้ง 3 รายดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.1 ได้นำกำลังเข้าตรวจค้น บริษัทจำกัด ซึ่งตั้งอยู่ชั้น 13 ของอาคารแห่งหนึ่ง ถนนพระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม. สามารถจับกุม นายภ. และตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชีเงินฝาก และเอกสารสำคัญต่าง ๆ
นาย ภ. ให้การว่าได้รู้จักสนิทสนมกับชายผิวสีรายหนึ่ง สัญชาติกาน่า โดยติดต่อคุยกันผ่านแอปพลิเคชัน WhatsApp ต่อมาได้แชทมาหาตนว่า ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ประเทศไทย จึงให้ช่วยรับเงินที่โอนตรงจากบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น
เมื่อรับโอนเงินเรียบร้อยแล้ว จะจ่ายเงินให้ตนเองเป็นส่วนแบ่งจำนวน 5 เปอร์เซ็นต์ จากยอดเงินที่รับโอน ตนเอง จึงแจ้งว่าต้องให้ทางบริษัทญี่ปุ่นติดต่อตนเองโดยตรงเท่านั้น ต่อมา ชายผิวสีรายหนึ่ง สัญชาติกาน่า ได้ขอยกเลิกไปโดยไม่มีเหตุผล
ภายหลังการโอนเงินดังกล่าวเกิดขึ้น และมีการจับกุมผู้ต้องหาชุดแรกไปแล้ว ชายผิวสีรายหนึ่ง สัญชาติกาน่า ได้แชทมาบอกว่าตนเองว่า ห้ามเอ่ยชื่อถึงและให้ลบแชทการสนทนาระหว่างกันใน WhatsApp ออกให้หมด แต่ตนเองยังไม่ทันได้ลบ กลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมในครั้งนี้เสียก่อน
ล่าสุด เมื่อช่วงสายของวันที่ 8 พ.ค. 68 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุม ชายผิวสีรายหนึ่ง สัญชาติกาน่า อายุ 51 ปี ได้แล้ว โดยควบคุมตัวได้ที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนนทบุรี ม.1 ซอยร่วมมิตร ต.บางขนุน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการซักถามสอบปากคำเพื่อเตรียมสืบสวนขยายผล
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาในความผิดฐาน
- ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน
- ร่วมกันฟอกเงิน
- ร่วมกันเปิด หรือยินยอมให้บุคคลอื่น ใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่นใด
- ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
- ได้ลงมือกระทำความผิดร้ายแรงตามวัตถุประสงค์ขององค์กรอาชญากรรมนั้น
- ร่วมกันเป็นอั้งยี่ และซ่องโจร
- ได้กระทำความผิดตามความมุ่งหมายของอั้งยี่หรือซ่องโจร
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ข้อมูลในโทรศัพท์มือถือและเอกสารต่างๆ ที่ตรวจยึดได้ขณะเข้าตรวจค้น และอยู่ระหว่างการประสานงานระหว่างประเทศเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาชาวไนจีเรีย และบุคคลในขบวนการที่ยังหลบหนีเพื่อนำกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ในส่วนพฤติการณ์ในการหลอกลวงโดยละเอียด บช.สอท. อยู่ระหว่างการประสานงานกับบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นดังกล่าว เพื่อนำข้อมูลมาศึกษาและวิเคราะห์ เพื่อใช้ป้องกันการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวในอนาคต
อ้างอิง สอท.