'เขตปลอดบุหรี่ไฟฟ้า' บังคับใช้ทุกโรงเรียน พร้อมออก 4 มาตรการเข้ม

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสถานการณ์ที่น่ากังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของ"บุหรี่ไฟฟ้า"ในกลุ่มเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยรูปลักษณ์ที่ดึงดูดใจ ราคาเข้าถึงง่าย และการโฆษณาออนไลน์ที่เจาะกลุ่มเป้าหมายโดยตรง ทำให้เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้โดยง่าย

เพื่อเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจากบุหรี่ไฟฟ้าและเสริมสร้างความร่วมมือในการควบคุมอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในสถานศึกษาและสถานที่ทำงานของหน่วยงานราชการและองค์กรในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้ออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ดังนี้
 

1. สร้างความตระหนักรู้ ให้ความรู้แก่นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ ครู บุคลากรทางการศึกษา ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับพิษภัยและโทษของบุหรี่ไฟฟ้าต่อสุขภาพและกฎหมาย ผ่านการสอดแทรกในหลักสูตรการเรียนการสอน กิจกรรม และสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ

2. กำหนดเขตปลอดบุหรี่ไฟฟ้า ให้ผู้รับผิดชอบสถานศึกษาและสถานที่ทำงานติดตั้งเครื่องหมายแสดงเขตปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าให้เห็นชัดเจน

3. สอดส่องดูแลและป้องกัน ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นต้องดูแลและป้องกันไม่ให้นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ ครู บุคลากรทางการศึกษา และเจ้าหน้าที่ เข้าไปเกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นการสูบ จำหน่าย ครอบครอง หรือสนับสนุนใดๆ
 

4. ดำเนินการทางวินัย หากตรวจพบ หรือมีการร้องเรียน หรือมีเหตุสงสัยว่าข้าราชการ ครู บุคลากรทางการศึกษา ผู้บริหาร หรือเจ้าหน้าที่รายใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยตามอำนาจหน้าที่โดยทันที

นายคารม ย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการยับยั้งการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นสิ่งผิดกฎหมายและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยกระทรวงศึกษาธิการได้สั่งการให้หัวหน้าหน่วยงานราชการในสังกัด องค์กรในกำกับ และผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด

หากพบว่าพื้นที่ใดมีเจ้าหน้าที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยปละละเลยให้มีการขายหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า จะต้องถูกดำเนินการทางวินัยและทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด