'ลำตะคอง' วิกฤต น้ำเหลือ 16% สั่งรับมือฝนทิ้งช่วง-น้ำท่วมโคราช

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รายงาน สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ จังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง ที่มีปริมาณน้ำเหลือเพียง 16% แต่ยังยืนยันว่าเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค พร้อมทั้งเตรียมแผนรับมือสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงและป้องกันอุทกภัยตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาภัยแล้ง ณ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง อำเภอสีคิ้ว พร้อมประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์, นายวิจิตร กิจวิรัตน์, นายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และ ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. เข้าร่วม
 

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. ได้รายงานว่า ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำทั้ง 4,959 แห่งในจังหวัดนครราชสีมามีปริมาณน้ำรวม 429.40 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 32% ของความจุเก็บกัก โดยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง (42%), อ่างเก็บน้ำมูลบน (37%) และอ่างเก็บน้ำลำแซะ (39%) ยังมีปริมาณน้ำมากกว่า 30% อย่างไรก็ตาม อ่างเก็บน้ำลำตะคอง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของจังหวัด มีปริมาณน้ำเพียง 50.14 ล้าน ลบ.ม. หรือ 16% ของความจุเก็บกัก แต่ยังคงเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค

รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้ สทนช. ประสานจังหวัดนครราชสีมาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมแผนป้องกันสถานการณ์ภัยแล้งจากฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยในพื้นที่เสี่ยงอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดเหตุการณ์ นอกจากนี้ ยังสั่งการให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง โดยให้ความสำคัญกับการอุปโภคบริโภคเป็นอันดับแรก รวมถึงให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคอง
 

นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำให้จังหวัดนครราชสีมา กรมชลประทาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งซ่อมแซมและปรับปรุงแหล่งน้ำที่มีอยู่ให้สามารถเก็บกักน้ำได้มากขึ้น พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ข้อมูลการบริหารจัดการน้ำและแจ้งเตือนภัยให้ประชาชนทราบเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และให้ศึกษาแผนพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มเติมเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลในอนาคต

เลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า หน่วยงานได้ติดตามสถานการณ์น้ำในจังหวัดนครราชสีมาอย่างต่อเนื่อง และได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้งทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาวตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 พร้อมทั้งจะเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการล่าสุดเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงและป้องกันบรรเทาอุทกภัยตลอดฤดูฝนนี้อย่างเต็มที่