ประวัติวันแรงงาน 2568 ไม่เป็นวันหยุดราชการ ทำงานได้ค่าจ้างเพิ่ม

เปิดประวัติวันแรงงาน 2568 1 พฤษภาคม 2568 สิทธิผู้ใช้แรงงานต้องรู้ ทำไมไม่เป็นวันหยุดราชการ 68 ทำงานวันแรงงานได้ค่าจ้างเพิ่มกี่บาท จ่ายค่าจ้างตามปกติ ทำโอทีได้ 3 เท่า
วันแรงงาน "กรุงเทพธุรกิจ" พามาเปิด"ประวัติวันแรงงาน 2568" วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 สิทธิผู้ใช้แรงงานต้องรู้ เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นธรรม ไขข้อสงสัยทำไมไม่เป็นวันหยุดราชการ 2568 ทำงานวันแรงงานได้ค่าจ้างเพิ่มกี่บาท จ่ายค่าจ้างตามปกติ ทำโอทีได้ 3 เท่า
ย้อนรอย "เมย์เดย์" จุดเริ่มต้นวันแรงงานสากล
หากย้อนกลับไปในอดีต ประเทศแถบยุโรปจะรู้จัก "วันเมย์เดย์" (May Day) หรือวันที่ 1 พฤษภาคม ว่าเป็นวันเริ่มต้นฤดูเพาะปลูกใหม่ พวกเขาจะมีการเฉลิมฉลองเพื่อขอพรให้พืชผลอุดมสมบูรณ์และประชาชนมีความสุข โดยมีการประดับประดาด้วยดอกไม้ ร้องเพลง และเต้นรำรอบเสาเมย์โพลอันสวยงาม
แต่เบื้องหลังความสวยงามนี้ กลับมีการเรียกร้องสิทธิของผู้ใช้แรงงานเกิดขึ้นใน ปี ค.ศ. 1886 เมื่อแรงงานในสหรัฐอเมริกาออกมาเรียกร้องให้กำหนดชั่วโมงการทำงานสูงสุดเพียงวันละ 8 ชั่วโมง รวมถึงทบทวนสิทธิแรงงานด้านอื่นๆ
การชุมนุมประท้วงครั้งนั้นนำไปสู่ความรุนแรงและการสูญเสีย แต่ในที่สุดก็นำมาซึ่งข้อตกลงด้านการจ้างงานที่เป็นธรรม การดูแลสวัสดิการ ความปลอดภัย และสุขภาพของผู้ใช้แรงงาน จนกระทั่งมีการกำหนดให้ วันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปี เป็น "วันแรงงานสากล" หรือที่เรียกกันว่า "เมย์เดย์" (May Day) นั่นเอง
จาก "วันกรรมกร" สู่ "วันแรงงานแห่งชาติ" ในไทย
สำหรับประเทศไทย "วันแรงงานแห่งชาติ" เริ่มมีการพูดถึงครั้งแรกในปี พ.ศ. 2475 ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม รัชกาลที่ 8 ต่อมาในปี พ.ศ. 2499 รัฐบาลไทยได้รับรองให้วันที่ 1 พฤษภาคม เป็น "วันกรรมกรแห่งชาติ" และเปลี่ยนชื่อเป็น "วันแรงงาน" ในปี พ.ศ. 2500
ในยุคแรกเริ่ม ผู้ใช้แรงงานยังไม่ได้หยุดงานในวันที่ 1 พฤษภาคม จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2517 ทางการไทยจึงพิจารณาให้ วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันหยุดของผู้ใช้แรงงาน เพื่อให้พวกเขามีโอกาสได้เฉลิมฉลองและพักผ่อนอย่างเต็มที่ และถือปฏิบัติเช่นนั้นมาจนถึงปัจจุบัน
เจาะลึกทำไม "วันแรงงาน 2568" ไม่ใช่วันหยุดราชการ?
หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไม "วันแรงงาน" ซึ่งมีความสำคัญต่อผู้ใช้แรงงานถึงไม่เป็นวันหยุดราชการในปี 2568 คำตอบนั้นอ้างอิงจาก พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 ซึ่งระบุว่า "ข้าราชการ" ไม่ถือเป็นแรงงาน ตามนิยามทางกฎหมาย และ "วันแรงงาน" ก็ไม่ได้ถูกกำหนดให้เป็น "วันหยุดราชการ" ดังนั้น หน่วยงานราชการจึงยังคงเปิดทำการและให้บริการประชาชนตามปกติ ข้าราชการจึงไม่ได้หยุดงานในวันนี้
ในทางตรงกันข้าม หน่วยงานรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานเอกชน จะมีการหยุดงานในวันแรงงาน รวมถึง ธนาคาร ที่จะปิดทำการ (ยกเว้นสาขาในห้างสรรพสินค้าบางแห่งที่อาจเปิดให้บริการ) ซึ่งเป็นไปตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ที่กำหนดให้นายจ้างต้องให้ลูกจ้างหยุดงานในวันแรงงานแห่งชาติและต้องจ่ายค่าจ้างเท่ากับวันทำงาน
ทำงานวันแรงงาน 2568 ได้ค่าจ้างเพิ่มเท่าไหร่?
สำหรับลูกจ้างที่จำเป็นต้องมาปฏิบัติงานใน วันแรงงานแห่งชาติ (1 พฤษภาคม 2568) กฎหมายคุ้มครองแรงงานของไทยภายใต้การดูแลของกระทรวงแรงงานได้กำหนดอัตราค่าจ้างพิเศษเพิ่มเติม ดังนี้
- ทำงานในวันหยุด: ได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้น ไม่น้อยกว่า 1 เท่า ของค่าจ้างปกติ นอกเหนือจากค่าจ้างปกติที่ได้รับอยู่แล้ว
- ทำงานล่วงเวลา (โอที): ได้รับค่าจ้างโอที ไม่น้อยกว่า 3 เท่า ของค่าจ้างต่อชั่วโมง ในวันทำงานปกติ
สรุปง่ายๆ ในวันแรงงานปี 2568 นายจ้างต้องให้ลูกจ้างหยุดงานและจ่ายค่าจ้างตามปกติ หากมีความจำเป็นต้องให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลา จะต้องจ่ายค่าจ้างโอทีไม่น้อยกว่า 3 เท่าของค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงานปกติ
ข้อควรรู้! กฎหมายคุ้มครองแรงงาน "สิทธิแรงงาน" ที่นายจ้าง-ลูกจ้างต้องใส่ใจ
เพื่อให้การทำงานเป็นไปด้วยความเป็นธรรมและถูกกฎหมาย ทั้งนายจ้างและลูกจ้างควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับ "สิทธิแรงงาน" ที่สำคัญดังนี้ หากมีการฝ่าฝืนกฎหมาย จะมีบทลงโทษตามที่กฎหมายกำหนด
- เวลาทำงานปกติ: กำหนดไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน และไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (สำหรับงานทั่วไป) หรือน้อยกว่านั้นสำหรับงานอันตรายบางประเภท
- เวลาพัก (ระหว่างการทำงานปกติ): ต้องมีเวลาพักไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมงต่อวัน หลังจากทำงานต่อเนื่องไม่เกิน 5 ชั่วโมง
- วันหยุด:
- วันหยุดประจำสัปดาห์: ไม่น้อยกว่า 1 วันต่อสัปดาห์ โดยมีระยะห่างกันไม่เกิน 6 วัน
- วันหยุดตามประเพณี: ไม่น้อยกว่า 13 วันต่อปี โดยรวมวันแรงงานแห่งชาติ หากตรงกับวันหยุดประจำสัปดาห์ให้หยุดชดเชย
- วันหยุดพักผ่อนประจำปี: ไม่น้อยกว่า 6 วันทำงานต่อปี สำหรับลูกจ้างที่ทำงานติดต่อกันครบ 1 ปี
- การทำงานล่วงเวลาและการทำงานในวันหยุด: สามารถทำได้ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดและต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง รวมถึงได้รับค่าตอบแทนตามอัตราที่กฎหมายกำหนด
ค่าตอบแทนในการทำงาน
- ค่าจ้าง: ต้องจ่ายเป็นเงินและไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
- ค่าจ้างในวันหยุด: ต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดประจำสัปดาห์ วันหยุดตามประเพณี และวันหยุดพักผ่อนประจำปี (ยกเว้นลูกจ้างรายวัน รายชั่วโมง หรือตามผลงานในวันหยุดประจำสัปดาห์)
- ค่าจ้างในวันลา: จ่ายค่าจ้างในวันลาป่วย ลาเพื่อทำหมัน ลาเพื่อรับราชการทหาร และลาเพื่อคลอดบุตร ตามจำนวนวันที่กฎหมายกำหนด
- ค่าชดเชย: ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชยเมื่อถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด โดยมีอัตราตามระยะเวลาการทำงาน
การทำความเข้าใจและปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทั้งนายจ้างและลูกจ้าง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นธรรมและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ใช้แรงงานทุกคน
ใน "วันแรงงาน 2568" นี้ ขอให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของผู้ใช้แรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
อ้างอิง-ภาพ : กระทรวงแรงงาน , wikipedia







