รู้ทัน พายุฟ้าคะนอง - พายุฤดูร้อน เหมือนหรือต่าง? พร้อมวิธีรับมือ

รู้ทัน พายุฟ้าคะนอง - พายุฤดูร้อน เหมือนหรือต่าง? พร้อมวิธีรับมือ

หลายคนอาจสงสัย "พายุฟ้าคะนอง" กับ "พายุฤดูร้อน" แท้จริงแล้วมีความแตกต่างกันอย่างไร? ทำความเข้าใจกลไกการเกิดและพัฒนาของพายุฝนฟ้าคะนอง พร้อมเรียนรู้วิธีรับมือ

กรมอุตุนิยมวิทยา ให้ความรู้เกี่ยวกับ พายุฟ้าคะนอง พายุฝนฟ้าคะนอง และพายุฤดูร้อน เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร? พร้อมทำความเข้าใจกลไกการเกิดและพัฒนาของพายุฝนฟ้าคะนอง พร้อมเรียนรู้วิธีรับมือกับอันตรายที่มาพร้อมกับลมกระโชกแรง ฟ้าผ่า และฝนตกหนัก เพื่อความปลอดภัยของคุณและคนที่คุณรักในช่วงฤดูร้อนนี้

พายุฟ้าคะนอง พายุฝนฟ้าคะนอง และพายุฤดูร้อน เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?

พายุฟ้าคะนอง (Thunderstorm) หมายถึง ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของมวลอากาศร้อนขึ้นสู่งเบื้องบนแล้วเย็นตัวลงจนเกิดเป็นเมฆคิวมูโลนิมบัส (Cumulonimbus) และมักมีฟ้าร้อง (Thunder) ซึ่งเกิดจากอากาศที่ร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วจากฟ้าแลบขยายตัวร่วมด้วยจึงเรียกเมฆนี้ว่า เมฆฝนฟ้าคะนอง พายุฟ้าคะนองมักเกิดในช่วงฤดูร้อนหรือฤดูมรสุมในประเทศไทย ในบริเวณแคบๆ อาจมีฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง (Gust) บางครั้งอาจมีลูกเห็บ (Hail) ตกร่วมด้วย และมักจะมีอายุสั้น ประมาณ 30 นาทีถึงไม่กี่ชั่วโมง แต่สามารถสร้างความเสียหายได้มากในช่วงเวลาสั้นๆ โดยหากมีฝนตกร่วมด้วยจะเรียกว่า พายุฟ้าคะนอง

ความแตกต่างระหว่าง พายุฝนฟ้าคะนอง (Thunderstorm) และพายุฤดูร้อน (Summer Thunderstorm)

พายุฝนฟ้าคะนอง (Thunderstorm) เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากความไม่เสถียรของบรรยากาศ ทำให้เกิดเมฆฝนฟ้าคะนอง (Cumulonimbus) ซึ่งก่อให้เกิดฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง และอาจมีลูกเห็บตกได้

พายุฤดูร้อน (Summer Thunderstorm) เป็นคำเรียกรวมๆ ของพายุที่เกิดในช่วงฤดูร้อน (ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคมในประเทศไทย) ซึ่งเกิดได้ทั้งพายุฟ้าคะนองและพายุฝนฟ้าคะนอง


 

พายุฝนฟ้าคะนอง สามารถเกิดขึ้นได้ในฤดูอื่นๆ ด้วย เช่น ในช่วงเปลี่ยนฤดู หรือในช่วงฤดูฝน

พายุฤดูร้อน ส่วนใหญ่มักจะมีพายุฝนฟ้าคะนอง เป็นส่วนประกอบหลัก คือ เมื่อเกิดพายุฤดูร้อน เรามักจะเจอฝนตกหนัก ลมแรง และฟ้าคะนองด้วย แต่ไม่ใช่ว่าพายุฝนฟ้าคะนองทุกครั้งจะเป็นพายุฤดูร้อน

การเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง (Thunderstorm) 

  • ระยะเจริญเติบโต (Developing Stage)

เริ่มต้นจากอากาศร้อยลอยตัวสูงขึ้น เกิดการรวมตัวของไอน้ำเป็นละอองเล็กๆ และก่อตัวกลายเป็นเมฆคิวมูลัส (Cumulus) ความร้อนแฝงจากการกลั่นตัว มาเสริมอย่างต่อเนื่อง และจากการกลั่นตัวของไอน้ำที่เพิ่มขึ้นก้อนเมฆจึงมีขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งในแนวกล้างและแนวดิ่ง และยอดเมฆก็สูงขึ้นตามไปด้วย จนเคลื่อนที่ขึ้นขึ้นถึงระดับบนสุดแล้ว (จุดอิ่มตัว) จนพัฒนาเป็นเมฆคิวมูโลนิมบัส (Cumulonimbus) กระแสอากาศบางส่วนก็จะเริ่มเคลื่อนที่ลงและจะเพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็น กระแสอากาศที่เคลื่อนที่ลงอย่างเดียว

  • ระยะเจริญเติบโตเต็มที่ (Mature Stage) 

เป็นช่วงที่กระแสอากาศมีทั้งไหลขึ้นและไหลลง ปริมาณความร้อนแฝงที่เกิดขึ้นจากการกลั่นตัวลดน้อยลง กระแสอากาศที่เคลื่อนที่ลงมา จะแผ่ขยายตัวออกด้านข้าง ก่อให้เกิดลมกระโชกรุนแรง อุณหภูมิจะลดลงทันทีทันใด และเกิดอากาศปั่นป่วนโดยรอบ 

  • ระยะสลายตัว (Dissipating Stage)

เป็นระยะที่พายุฝนฟ้าคะนองมีกระแสอากาศเคลื่อนที่ลงเพียงอย่างเดียว หยาดน้ำฟ้าตกลงมาอย่างรวมเร็วและหมดไแ พร้อมๆ กับกระแสอากาศที่ไหลก็จะเบาบางลง

ลักษณะอากาศร้าย เนื่องจากพายุฝนฟ้าคะนอง

1.  อากาศปั่นป่วน กระแสอากาศที่ปั่นป่วนและลมกระโชกที่รุนแรง ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งก่อสร้างต่างๆ บนพื้นดิน ซึ่งบางครั้งพบห่างออกไปกว่า 30 กิโลเมตร จากกลุ่มเมฆพายุฝนฟ้าคะนอง
 
2. พายุลูกเห็บ ลูกเห็บที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับอากาศที่ปั่นป่วนรุ่นแรง มักจะเกิดขึ้นจากพายุฝนฟ้าคะนองที่มีเมฆพัฒนาในแนวตั้งสูงมาก กระแสอากาศที่เคลื่อนที่ขึ้นไปในระดับสูงมาก ทำให้หยดน้ำเริ่มแข็งตัวเป็นหยดน้ำแข็ง มีหยดน้ำอื่นๆรวมเข้าด้วยกันสะสมจนมีขนาดโตขึ้นและในที่สุดเมื่อกะแสอากาศพยุงรับทั้งหน้าที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ ก็จะตกลงมาเป็นลูกเห็บ ทำความเสียหายในพื้นที่การเกษตรได้

3. ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดควบคู่กัน นับเป็นภัยธรรมชาติที่มีอันตรายต่อชีวิตมนุษย์มากกว่าปรากฏการณ์ธรรมชาติอื่นๆ

4. ฝนตกหนัก พายุฝนฟ้าคะนองสามารถก่อให้เกิดฝนตกหนัก และน้ำท่วมฉับพลัน ได้ในพื้นที่ซึ่งเป็นที่ราบลุ่ม หรือที่ต่ำและพื้นที่ตามบริเวณเชิงเขา

กรมอุตุนิยมวิทยา และ ปภ. แนะเรียนรู้ รับมือพายุฤดูร้อน

  1. หมั่นติดตามข่าวพยากรณ์อากาศ เพื่อทราบช่วงเวลาและพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดพายุฤดูร้อน
  2. ปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด หากมีประกาศเตือนพายุฤดูร้อน
  3. ตรวจสอบอาคารบ้านเรือนให้มั่นคงแข็งแรง โดบเฉพาะประตู หน้าต่าง และหลังคาบ้าน และสำรวจต้นไม้รอบบ้านให้อยู่ในสภาพปลอดภัย ตัดกิ่งไม้ที่ไม่แข็งแรงหรือเสี่ยงต่อการหักโค่น
  4. จัดเก็บสิ่งของที่ปลิวลมได้ในที่มิดชิด เพื่อป้องกันอันตรายจาการถูกสิ่งของพัดกระแทก
  5. แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง โดยเฉพาะเสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณา
  6. ดูแลพืชผลทางการเกษตร โดยจัดทำที่ค้ำยืนต้นไม้หรือที่กำบังปกคลุมผลผลิต

รู้ทัน พายุฟ้าคะนอง - พายุฤดูร้อน เหมือนหรือต่าง? พร้อมวิธีรับมือ