จับตา! ลุ่มน้ำชี 4 จังหวัด เสี่ยงน้ำท่วม เร่งระบายน้ำเขื่อนลำปาว

จับตา! ลุ่มน้ำชี 4 จังหวัด เสี่ยงน้ำท่วม เร่งระบายน้ำเขื่อนลำปาว

สทนช. สั่งการด่วน บูรณาการทุกหน่วยงาน เร่งระบายน้ำเขื่อนลำปาว หลังคาดการณ์ พฤษภาคมนี้ ลุ่มน้ำชีใน กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด ชัยภูมิ ส่อเค้าวิกฤต

วันนี้ (27 เม.ย. 68) ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พร้อมด้วยคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำ ณ เขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อประเมินผลการดำเนินงานตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 ในพื้นที่เสี่ยงลุ่มน้ำชี

จากการติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สทนช. คาดการณ์ว่าในช่วงเดือนพฤษภาคม 2568 พื้นที่ลุ่มน้ำชีมีความเสี่ยงที่จะเกิดสถานการณ์น้ำท่วม น้ำหลาก และน้ำท่วมฉับพลัน ใน 4 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด และชัยภูมิ โดยได้มีการจัดส่งข้อมูลพื้นที่เสี่ยงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับมือแล้ว

สถานการณ์น้ำของ อ่างเก็บน้ำลำปาว ณ วันที่ 25 เมษายน 2568 มีปริมาณน้ำ 836.40 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 42.24% ของความจุเก็บกัก ซึ่งยังน้อยกว่าแผนการระบายน้ำในช่วงเดือนเมษายน 2568 ที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) กำหนดไว้ สทนช. จึงได้ทำหนังสือถึงกรมชลประทานเพื่อพิจารณาการระบายน้ำให้เป็นไปตามเกณฑ์

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ เลขาธิการ สทนช. ได้สั่งการให้ สทนช. ร่วมกับกรมชลประทาน เร่งปรับแผนการระบายน้ำของอ่างเก็บน้ำลำปาว เนื่องจากข้อจำกัดด้านท้ายน้ำที่ไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำตามแผนได้ โดยอาจพิจารณาใช้พื้นที่ลุ่มต่ำบ้านดอนสนวน จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นพื้นที่รองรับน้ำ พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการนี้
 

นอกจากนี้ ยังได้มีการพิจารณาข้อมูลการปรับระดับจุดสูบน้ำของการประปาส่วนภูมิภาค และแผนการปิด-เปิดประตูเขื่อนปากมูลให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่และระดับน้ำโขง รวมถึงข้อมูลการแก้ไขปัญหาการบุกรุกลำน้ำท้ายเขื่อนต่างๆ ในแม่น้ำชี เพื่อนำไปวิเคราะห์และเสนอต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ต่อไป

การดำเนินงานดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ สทนช. ในการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมและลดผลกระทบจากสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูฝนที่จะมาถึง โดยให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน