ย้ำชัด! แจกเงิน 10,000 บาท เฟส 3 กลุ่ม 16-20 ปี ยึดตามไทม์ไลน์เดิม

ย้ำชัด! แจกเงิน 10,000 บาท เฟส 3 กลุ่ม 16-20 ปี ยึดตามไทม์ไลน์เดิม

"จุลพันธ์" ย้ำ แจกเงิน 10,000 บาท เฟส 3 หรือ เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท กลุ่ม 16-20 ปี ยังยึดตามไทม์ไลน์เดิม คาดเสนอ ครม. ใน 1-2 สัปดาห์

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต สำหรับประชาชนกลุ่มอายุ 16-20 ปี ว่า โครงการยังคงเดินหน้าตามแผนที่วางไว้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

ขณะนี้ โครงการอยู่ในขั้นตอนของการรอเวียนความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปและนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาอนุมัติได้ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้
 

รมช.คลัง ยืนยัน ว่ากระบวนการทั้งหมดเป็นไปตามกำหนดการเดิมที่ตั้งไว้ โดยประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุระหว่าง 16-20 ปี จะยังคงได้รับเงินภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

ส่วนจำนวนผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินดิจิทัลวอลเล็ตนั้น นายจุลพันธ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการสรุปตัวเลขอย่างเป็นทางการ เนื่องจากต้องรอการเห็นชอบจาก ครม. ก่อน แต่เบื้องต้นคาดการณ์ว่าจะมีผู้ได้รับสิทธิ์ไม่เกิน 3 ล้านราย

ไทม์ไลน์ยังเป็นเหมือนเดิม กลุ่มอายุ 16-20 ปี จะได้รับเงินภายในไตรมาส 2 ไม่มีอะไรชะลอ ทุกอย่างยังคงเดินหน้า โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเชื่อมระบบกับสถาบันการเงิน ซึ่งใช้เวลาไม่เท่ากัน รัฐบาลจึงต้องการให้ทุกธนาคารสามารถให้บริการได้พร้อมกันทั้งหมด เพื่อไม่ให้ดูเหมือนเอื้อประโยชน์ให้บางแห่ง คาดว่าไตรมาส 2 นี้ จะเชื่อมระบบกับธนาคารใหญ่ได้ครบ ส่วนเพย์เม้นต์แพลตฟอร์มบางรายเชื่อมระบบเรียบร้อยแล้ว เพราะมีระบบรองรับอยู่ก่อนแล้ว

สำหรับความคืบหน้าของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเฟสที่ 4 นั้น รมช.คลัง กล่าวว่า จะสามารถดำเนินการได้ภายในเดือนกันยายน 2568 อย่างแน่นอน เนื่องจากงบประมาณได้ถูกวางแผนไว้แล้ว และเมื่อระบบมีความพร้อมและปลอดภัย กระบวนการต่างๆ ก็จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ

อย่างไรก็ดี ในส่วนที่มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลอาจจะมีการขยายเพดานหนี้สาธารณะเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผลกระทบจากมาตรการภาษีทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตต้องมีการเปลี่ยนแปลง นั้น รมช.การคลัง ระบุว่า เรื่องการขยายเพดานหนี้สาธารณะยังไม่มีข้อสรุป ในส่วนของกระทรวงการคลังเองก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ แต่ก็ทราบกันอยู่แล้วว่ามาตรการภาษีทรัมป์นั้นส่งผลกระทบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งโลก