รวบบัญชีม้า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็น ตร. หลอกเหยื่อโอนเงิน 4.4 ล.

รวบบัญชีม้า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็น ตร. หลอกเหยื่อโอนเงิน 4.4 ล.

ตร.ไซเบอร์ รวบบัญชีม้า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็นตำรวจ โทรข่มขู่เหยื่อยาว 4 วัน ก่อนโอนเกลี้ยง 4.4 ล้าน ตามอายัดทัน 2 ล้าน นำคืนผู้เสียหาย

โผล่อีก เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ วันนี้ (22 เมษายน 2568) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 และพล.ต.ต.ศุภกร ผิวอ่อน ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ ลุยโปรเจค MONEY CASH BACK ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน

 

กรณีสืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดดำเนินการตามโครงการ "MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้าคว้าเงินคืน" โดยล่าสุด พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒ ผกก.4 บก.สอท.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายรายหนึ่ง เป็นชายอายุ 81 ปี ได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงไปจนเสียหายเป็นเงินจำนวนกว่า 4,400,000 บาท

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ผู้เสียหายได้ถูกมิจฉาชีพโทรหา โดยอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก แจ้งว่าผู้เสียหายได้เปิดบัญชีธนาคารไว้ และบัญชีดังกล่าวได้กระทำผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน ซึ่งมีนักเรียนถูกหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีของผู้เสียหาย จำนวน 45,000 บาท ทำให้นักเรียนคนดังกล่าวเกิดความเครียด จนตัดสินใจฆ่าตัวตาย ต่อมา ผู้เสียหายหลงเชื่อ มิจฉาชีพจึงแนะนำให้แอดไลน์ชื่อบัญชี "สภ.เมืองพิษณุโลก" เพื่อให้ผู้เสียหายได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ปปง. เมื่อแอดไลน์แล้ว มิจฉาชีพได้ส่งหมายศาล หมายตำรวจ และบัตรเจ้าพนักงานตำรวจ ให้ผู้เสียหายดูพร้อมกำชับว่าห้ามเปิดเผยหรือแจ้งบุคคลใกล้ตัว เนื่องจากเป็นความลับของทางราชการ

จากนั้น มิจฉาชีพได้ข่มขู่ผู้เสียหายว่า ผู้เสียหายต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการโอนเงินไปให้ตรวจสอบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินดังกล่าว เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจสอบแล้ว เงินดังกล่าวจะถูกโอนกลับคืนให้ นอกจากนี้มิจฉาชีพยังใช้วิธีพูดข่มขู่ในรูปแบบต่างๆ ไม่ยอมให้ผู้เสียหายวางสายโทรศัพท์ จนมีการคุยต่อเนื่องกันเป็นเวลาเกือบ 4 วัน ผู้เสียหายหลงเชื่อและเกิดความกลัว สุดท้ายยอมโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารต่างๆ ที่มิจฉาชีพส่งมาให้ จำนวน 4 ครั้ง รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 4,400,000 บาท

 

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.2 ได้สืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าวจนพบว่ามีผู้ร่วมขบวนการจำนวนหลายราย โดยมีผู้ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า จำนวน 5 ราย จึงได้ขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดนนทบุรี จนกระทั่งศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย

ล่าสุดนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามโครงการ MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้าคว้าเงินคืน โดยประสานกับสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง จนสามารถอายัดเงินในบัญชีธนาคารของ 1 ในผู้ต้องหาไว้ได้ จำนวน 2 ล้านบาท และยังสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว จำนวน 4 ราย และยังอยู่ระหว่างการหลบหนีอีก 1 ราย 

สำหรับเงินจำนวน 2,000,000 บาท ในบัญชีธนาคารที่อายัดไว้ได้นั้น อยู่ในบัญชีของนายอภิรักษ์ อายุ 20 ปี ซึ่งจับกุมตัวได้ในพื้นที่ อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นธนาคารเจ้าของบัญชี เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่าบัญชีดังกล่าวมีเงินของผู้เสียหายรายนี้เพียงยอดเดียว จำนวน 2 ล้านบาท ได้ถูกโอนเข้ามาในบัญชีของนายอภิรักษ์ ตามวันและเวลา ตรงตามหลักฐานของผู้เสียหาย จึงเป็นการพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่ายอดเงินดังกล่าวเป็นของผู้เสียหายรายนี้จริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประสานทางธนาคารเพื่อขอตรวจยึดเงินซึ่งเป็นทรัพย์ถูกประทุษร้ายของผู้เสียหาย

ในส่วนนายอภิรักษ์นั้นยอมรับว่าได้เปิดบัญชีธนาคารแล้วขายบัญชีไปในราคา 3,000 บาท หลังจากการเปิดบัญชี ตนก็ไม่ได้ใช้บัญชีดังกล่าวอีกเลย กระทั่งมาถูกตำรวจจับกุมตัว จึงทราบว่าบัญชีของตนเองถูกนำไปใช้ในการกระทำผิด และตนขอไม่โต้แย้งกรรมสิทธิ์เงินในบัญชีธนาคารจำนวน 2 ล้านบาท เนื่องจากรู้ดีว่าเป็นเงินที่ตนไม่มีสิทธิที่จะได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และยินดีคืนให้แก่ผู้เสียหายในคดีนี้ สุดท้ายพนักงานสอบสวนจึงประสานทางธนาคาร ขอถอดอายัดและนำเงินจำนวน 2 ล้านบาท คืนให้แก่ผู้เสียหายตามขั้นตอนในวันนี้ ตามโครงการ "Money Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน"