วิกฤติฝุ่น PM 2.5 'แม่ฮ่องสอน' เกินมาตรฐานสีแดง ติดต่อกันถึง 12 วัน

วิกฤติฝุ่น PM 2.5 'แม่ฮ่องสอน' เกินมาตรฐานสีแดง ติดต่อกันถึง 12 วัน

สธ. เผย 4 จังหวัดภาคเหนือ ค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานสีแดงต่อเนื่อง "แม่ฮ่องสอน" นานถึง 12 วัน ห่วงแนวโน้มเพิ่มหลายพื้นที่ จัดคลินิกมลพิษครบทุกจังหวัดแล้ว

วันนี้ (1 เม.ย. 68) นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ว่า ข้อมูลเวลา 07.00 น. วันนี้ มี 20 จังหวัดที่ค่าเฉลี่ยฝุ่น PM 2.5 ในรอบ 24 ชั่วโมง เกินมาตรฐาน โดยอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (37.5 - 75 มคก./ลบ.ม.) 16 จังหวัด ได้แก่ ลำพูน หนองคาย ลำปาง พะเยา ตาก บึงกาฬ ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี สระบุรี แพร่ กาญจนบุรี อุทัยธานี อุตรดิตถ์ ปราจีนบุรี และพระนครศรีอยุธยา

ส่วนระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ (75.1 มคก./ลบ.ม.ขึ้นไป) มี 4 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน 216.12 มคก./ลบ.ม. น่าน 95.93 มคก./ลบ.ม. เชียงใหม่ 92.39 มคก./ลบ.ม. และเชียงราย 82.74 มคก./ลบ.ม.

โดยอยู่ในระดับสีแดงต่อเนื่อง คือ เชียงใหม่ 6 วัน เชียงราย 9 วัน น่าน 11 วัน และแม่ฮ่องสอน สูงสุดถึง 12 วัน ในภาพรวมมีการเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) รวม 25 จังหวัด
 

นพ.วีรวุฒิกล่าวต่อว่า จากการคาดการณ์คุณภาพอากาศช่วง 1-2 วันข้างหน้า ปริมาณฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือยังมีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ประชาชนติดตามคุณภาพอากาศและปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของระดับค่าสีฝุ่น โดยเฉพาะจังหวัดที่ค่าฝุ่น PM 2.5 เป็นสีแดง ให้ทุกคนงดออกกำลังกายกลางแจ้ง/ทำงานที่ใช้แรงมาก สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น และอยู่ในห้องปลอดฝุ่น หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ กรณีเป็นผู้มีโรคประจำตัว ควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นติดตัวเสมอ

ส่วนกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว ควรสวมหน้าหน้ากากป้องกันฝุ่นตั้งแต่ค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีเหลือง (25.1 - 37.5 มคก./ลบ.ม.) ลดระยะเวลาออกกำลังกายกลางแจ้ง/การทำงานที่ใช้แรงมาก


 

สำหรับการป้องกันตนเองจากฝุ่นให้ปฏิบัติตามแนวทาง “เช็ก-ใช้-เลี่ยง-ลด-ปิด” คือ เช็กค่าฝุ่นจากแอปพลิเคชัน Air4Thai หรือ Life Dee ก่อนออกจากบ้าน, ใช้หน้ากากป้องกันฝุ่นทุกครั้ง เช่น หน้ากาก N95 หน้ากากอนามัยทางการแพทย์, เลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งและเฝ้าระวังสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง, ลดกิจกรรมก่อฝุ่น เช่น การจุดธูป การปิ้งย่าง การเผา การสูบบุหรี่ รวมถึงตรวจสภาพรถเป็นประจำ และปิดประตู หน้าต่าง ให้มิดชิด หมั่นทำความสะอาดที่พัก หรือทำห้องปลอดฝุ่น

“ส่วนการจัดบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขรองรับการดูแลสุขภาพจากฝุ่น PM 2.5 ขณะนี้ดำเนินการครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ ทั้งการขยายและยกระดับคลินิกมลพิษและเวชกรรมสิ่งแวดล้อม ระบบนัดหมายผ่านหมอพร้อม จัดทีมปฏิบัติการดูแลสุขภาพประชาชนกลุ่มเสี่ยงในชุมชน และการสนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลแก่กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ หน้ากากอนามัย สนับสนุนแล้วมากกว่า 5 ล้านชิ้น มุ้งสู้ฝุ่น 1,394 ชุด นอกจากนี้ ยังจัดบริการห้องปลอดฝุ่น 18,329 ห้อง มีประชาชนเข้าใช้บริการสะสม 427,728 คน” นพ.วีรวุฒิกล่าว