'เงินประจำตำแหน่งตำรวจ' ค่าตอบแทน กำหนดสิทธิสายงาน ชื่อตำแหน่ง

เช็กอัปเดตล่าสุด 'เงินประจำตำแหน่งตำรวจ' ค่าตอบแทน กำหนดสิทธิสายงาน ชื่อตำแหน่ง ปรับลักษณะงานผู้เชี่ยวชาญ กรณีพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่ง พ.ศ. 2568
กรุงเทพธุรกิจ เช็กอัปเดตล่าสุด 'เงินประจำตำแหน่งตำรวจ' ค่าตอบแทน กำหนดสิทธิสายงาน ชื่อตำแหน่ง ปรับลักษณะงานผู้เชี่ยวชาญ กรณีพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่ง พ.ศ. 2568
เกิดคำถามมากมายในวงการข้าราชการตำรวจในขณะนี้ เรื่องกรณี พระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่ง พ.ศ. 2568
ล่าสุด โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2568 ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตในประเด็นที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงนั้น
พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงว่า การออกพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นการดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ที่มีผลใช้บังคับแทนพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ซึ่งเป็นกฎหมายหลักที่ใช้มาก่อนหน้านี้
เงินประจำตำแหน่งตำรวจ 2568
พระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งตำรวจฉบับใหม่ ยังคงหลักการและอัตราเงินประจำตำแหน่งไว้เช่นเดิม ไม่มีการปรับเพิ่มค่าตอบแทนแต่อย่างใด
- มีเพียงการแก้ไขรายละเอียดให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมายตำรวจฉบับใหม่
- การปรับชื่อตำแหน่งให้ตรงตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย
- การเพิ่มสายงานวิชาชีพด้านสาธารณสุขให้ครอบคลุมวิชาชีพเฉพาะด้าน เช่น กายอุปกรณ์ แพทย์แผนไทย เทคโนโลยีหัวใจ และทรวงอก
- การปรับลักษณะงานของตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญให้สอดคล้องกับการจัดกลุ่มสายงานในปัจจุบัน
- ยังมีการกำหนดสิทธิในการได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทบริหารให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งในสถาบันการศึกษาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จัดการศึกษาระดับปริญญา
- ไม่ตัดสิทธิการได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาการ
- เป็นหลักเกณฑ์เช่นเดียวกับที่ใช้กับข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาและข้าราชการทหาร
การออกพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ จึงมิใช่การปรับเพิ่มเงินประจำตำแหน่งให้แก่ผู้บริหารระดับสูงตามที่บางกระแสข่าวเข้าใจ แต่เป็นการออกกฎหมายลำดับรองเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้
พล.ต.ท.อาชยน ยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับปฏิบัติการอย่างแท้จริง และมีนโยบายในการดูแลสวัสดิการของตำรวจทุกระดับ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและความเป็นธรรมเป็นหลัก
อ้างอิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ