เตือน กทม. ค่าฝุ่น PM2.5 เพิ่มสูงขึ้น สถานการณ์ฝุ่น ภาคเหนือ ใต้ อยู่ในเกณฑ์ดี

เตือน กทม. ค่าฝุ่น PM2.5 เพิ่มสูงขึ้น สถานการณ์ฝุ่น ภาคเหนือ-ภาคใต้ อยู่ในเกณฑ์ดี บกปภ.ช. คาดสัปดาห์หน้าดีขึ้น กำชับจังหวัด-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นต่อเนื่อง
สถานการณ์ฝุ่น ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ภาคเหนือ-ภาคใต้ ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันตก กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ค่าฝุ่น PM2.5 เพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย คาดสัปดาห์หน้าดีขึ้น บกปภ.ช. กำชับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (28 ก.พ. 68) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จัดประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) โดยมีผู้บริหาร ปภ. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมฯ ยังคงกำชับให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ฝุ่นอย่างใกล้ชิด และดำเนินการตามมาตรการของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศ และแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ให้ได้เร็วที่สุด
นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะผู้อำนวยการกลาง/เลขานุการ กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ภาพรวมของประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยภาคใต้และภาคเหนือคุณภาพอากาศดี ส่วนพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันตก กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ค่าฝุ่น PM2.5 เพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย หลายพื้นที่คุณภาพอากาศอยู่เกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพระดับสีเหลืองและสีส้ม ซึ่งคาดการณ์ว่าสถานการณ์ฝุ่นจะเริ่มคลี่คลายลงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ และดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์หน้า แต่สำหรับพื้นที่ภาคเหนือยังคงต้องมีการเฝ้าระวังต่อเนื่อง เนื่องจากในห้วงสัปดาห์หน้าจะมีกระแสลมพัดผ่านพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งอาจพัดเอาฝุ่นละอองจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาได้
ในส่วนของจุดความร้อน (Hotspot) วันนี้ มีจำนวนทั้งหมด 530 จุด จังหวัดที่มีจุดความร้อนสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่
- จังหวัดตาก จำนวน 62 จุด
- จังหวัดชัยภูมิ จำนวน 35 จุด
- จังหวัดลพบุรี จำนวน 33 จุด
- จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 32 จุด
- จังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 24 จุด
โดยพื้นที่ที่พบจุดความร้อนสูงเป็นพื้นที่เกษตร และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ สำหรับจุดความร้อนแยกรายพื้นที่พบว่า พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติชาติมีจำนวนจุดความร้อนเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อวานนี้ ซึ่งกรมป่าไม้ได้เร่งดำเนินการลดจำนวนจุดความร้อนโดยส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดับไฟป่า รวมจำนวนทั้งสิ้น 2,635 ครั้ง ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เผาป่าจำนวน 28 คดี และเผยแพร่ความรู้ประชาสัมพันธ์ประชาชนไม่ให้เผาป่ารวมกว่า 284 ครั้ง
สำหรับ พื้นที่ป่าอนุรักษ์ ที่ถึงแม้จำนวนจุดความร้อนที่พบจะน้อยลงกว่าเมื่อวาน แต่ว่ากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะยังคงบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด โดยยกระดับความเข้มข้นในการจับกุมดำเนินคดีกับผู้ลักลอบจุดไฟเผาป่า "เผาจริง จับจริง" ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดรวม 33 คดี จับผู้ต้องหารวม 7 ราย
ในส่วนของพื้นที่การเกษตรที่ในวันนี้มีจำนวนจุดความร้อนเพิ่มสูงขึ้น โดยพื้นที่ที่พบจุดความร้อนมากที่สุดคือพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทางหน่วยงานได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการมาตรการลดจุดความร้อนในพื้นที่การเกษตรของหน่วยงาน และเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจกับเกษตรกรในเรื่องของการจัดการเศษวัสดุทางการเกษตรด้วยวิธีอื่นแทนการเผา พร้อมทั้งสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ให้แก่เกษตรกรใช้ในการจัดการเศษวัสดุ เพื่อลดจำนวนจุดความร้อนในพื้นที่การเกษตรและเตรียมการรับมือสถานการณ์ในห้วงถัดไปที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงของฤดูการเก็บเกี่ยวอีกครั้ง
ด้าน นายจำนง สวัสดิ์วงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะประธานการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กล่าวว่า แม้การคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นในห้วงถัดไปจะชี้ว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 จะมีแนวโน้มคลี่คลายลง มีเพียงพื้นที่ภาคเหนือเท่านั้นที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ แต่ก็ยังไม่สามารถผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ได้ เนื่องจากหากจุดความร้อนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ความเป็นไปได้ที่ค่าฝุ่นจะเพิ่มสูงขึ้นก็มีสูง จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจังหวัดทุกจังหวัดยังคงดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่างต่อเนื่อง บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการเผาและการเพิ่มจำนวนจุดความร้อน ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดสำคัญของฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะติดตามสถานการณ์และรายงานข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ให้ประชาชนทราบเป็นระยะ ทาง Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ X @DDPMNews หากประชาชนต้องการแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือสามารถแจ้งเรื่องได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 หรือทางไลน์ "ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784" @1784DDPM ได้ตลอด 24 ชั่วโมง







