เงินช่วยชาวนา เงินไร่ละ 1000 ล่าสุด เกษตรกรรีบขึ้นทะเบียนก่อน 30 เม.ย. 68

เงินช่วยชาวนา เงินไร่ละ 1000 ล่าสุด เกษตรกรรีบขึ้นทะเบียนก่อน 30 เม.ย. 68

เงินไร่ละ 1,000 ล่าสุด เงินช่วยชาวนา ไร่ละพัน นบข. เคาะช่วยข้าวเปลือกนาปรัง ปี 68 วงเงิน 2.8 พันล้าน แจ้งเกษตรกรรีบขึ้นทะเบียนก่อน 30 เม.ย.นี้

ความคืบหน้า นบข. เคาะมาตรการ "ไร่ละ 1,000 บาท" ไม่เกิน 10 ไร่ ช่วยชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากราคาข้าวตกต่ำ "เงินไร่ละพัน" ล่าสุด วงเงินงบประมาณ 2,867.23 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าผลักดันปลูกพืชชนิดอื่น หรือใช้ข้าวพันธุ์ที่ กรมการข้าว รับรองและเหมาะสม ล่าสุดมีขึ้นทะเบียนแล้ว 2.3 แสนครัวเรือน 4 ล้านไร่ แจ้งเกษตรกรขึ้นทะเบียนก่อน 30 เม.ย. 68

 

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ได้มอบหมายให้ กรมการค้าภายใน ดำเนินการชี้แจงและสร้างความเข้าใจให้พี่น้องเกษตรกร โดยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) วานนี้ (26 กุมภาพันธุ์ 2568) ได้มีนำเสนอมาตรการดูแลราคาข้าวเปลือกเจ้านาปรัง ปีการผลิต 2568 หลายมาตรการ ทั้งมาตรการที่ผ่านการพิจารณาของคณะอนุ นบข.ด้านการตลาด อนุ นบข.ด้านการผลิต และข้อเสนอของเกษตรกร แต่สุดท้ายเลือกมาตรการที่ช่วยเหลือชาวนาโดยตรงและจะไม่เป็นภาระแก่รัฐบาลภายหลัง คือ การจ่ายเงินชดเชยเกษตรกรโดยตรง ไร่ละ 1,000 บาท คนละไม่เกิน 10 ไร่ วงเงินงบประมาณ 2,867.23 ล้านบาท เพราะเป็นมาตรการที่ช่วยเหลือเกษตรกรได้ทันที และไม่กระทบการใช้งบประมาณ เพราะมีวงเงินจากมาตรการข้าวนาปี 4.7 หมื่นล้าน เหลือประมาณ 3-4 พันล้านบาท ที่จะต้องส่งคืน และขอนำกลับมาใช้ได้

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการพิจารณางบประมาณในการดูแลสินค้าเกษตร พบว่า ปี 2562-65 มีการใช้งบประมาณสูงถึงปีละ 1.07 แสนล้านบาท โดยรัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาบริหาร ปี 2566-67 ได้ปรับลดงบประมาณดูแล เหลือใช้เพียง 6.5 หมื่นล้านบาท และมีมติ ครม. และ นบข. ที่กำหนดว่า การจัดทำมาตรการโครงการเพื่อสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือเกษตรกร ให้หลีกเลี่ยงการดำเนินการในลักษณะการให้เงินอุดหนุน ช่วยเหลือ ชดเชย หรือประกันราคาสินค้าเกษตรโดยตรงแก่เกษตรกร แต่การปรับลด ไม่สามารถทำได้ทันที ต้องมีช่วงเปลี่ยนผ่าน

 

นายวิทยากร กล่าวต่อว่า การให้ความช่วยเหลือไร่ละพันในครั้งนี้ เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาข้าวตกต่ำ ทั้งที่ปกติไม่เคยช่วยเหลือข้าวนาปรัง แต่เมื่อปลูกแล้วก็ต้องดูแล โดยในการดูแลครั้งนี้มีเงื่อนไขชัดเจนว่า เกษตรกรจะต้องมีการปรับโครงสร้างการผลิต ซึ่ง นบข. ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมากำกับดูแล มีสภาพัฒน์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย ภาคเอกชน ตัวแทนชาวนา และกระทรวงพาณิชย์ร่วมกันดูแล จะผลักดันให้ไปปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นที่เหมาะสม หรือถ้ายังอยากจะปลูกข้าว ก็ต้องใช้พันธุ์ข้าวที่ดี มีผลผลิตต่อไร่สูง และเป็นที่ต้องการของตลาด

"สำหรับขั้นตอนการจ่ายเงินให้กับเกษตรกร จะจ่ายให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ปลูกข้าวนาปรังโดยตรง โดยที่กำหนดวงเงินเบื้องต้นไว้ 2.8 พันล้าน เพราะปี 2567 มีเกษตรกรขึ้นทะเบียนปลูกข้าวนาปรัง 3.2 แสนครัวเรือน ประมาณ 5.5 ล้านไร่ และปี 2568 มีผู้ลงทะเบียนแล้ว 2.3 แสนครัวเรือน ประมาณ 4 ล้านไร่ โดยเกษตรกรยังสามารถขึ้นทะเบียนได้จนถึงวันที่ 30 เม.ย. 2568 จากนั้นจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติ"

อย่างไรก็ตาม มาตรการอื่นๆ กรมยังจะดำเนินการช่วยผลักดันราคาข้าวเปลือกให้กับเกษตรกรต่อไป โดยการนำโรงสี ผู้ประกอบการเข้าไปเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรในจังหวัดที่เป็นแหล่งเพาะปลูก และยังจะร่วมมือกับสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุง ในการเข้าไปรับซื้อข้าวจากเกษตรกร เพื่อนำมาผลิตข้าวถุง เป้าหมาย 5 แสนตันข้าวเปลือก จากนั้นจะร่วมมือกับห้างค้าส่งค้าปลีก ห้างท้องถิ่น จัดโปรโมชันลดราคาข้าวถุง เพื่อกระตุ้นการบริโภค เพื่อดูดซับผลผลิตในช่วงฤดูกาลออกมาให้มากที่สุด