เตือน อากาศแปรปรวน ฉ.6 เปิดรายชื่อ 29 จังหวัด พื้นที่ฝนตกหนัก ลมแรง ลูกเห็บตก

เตือน อากาศแปรปรวน ฉ.6 เปิดรายชื่อ 29 จังหวัด พื้นที่ฝนตกหนัก ลมแรง ลูกเห็บตก

กรมอุตุ เตือน "อากาศแปรปรวน" ฉ.6 เปิดรายชื่อ 29 จังหวัด พื้นที่ฝนตกหนัก ฟ้าผ่า ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก ช่วงวันที่ 23-25 ก.พ. 68 ภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมาก หลายพื้นที่ ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

ประกาศ กรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 6 เรื่อง อากาศแปรปรวน บริเวณประเทศไทยตอนบน ฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณภาคใต้ และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง มีผลกระทบในช่วงวันที่ 23-25 กุมภาพันธ์ 2568

ในช่วงวันที่ 23-25 กุมภาพันธ์ 2568 บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก จะมี สภาพอากาศแปรปรวน โดยมี พายุฝนฟ้าคะนอง ฟ้าผ่า ลมกระโชกแรง มีลูกเห็บตกบางแห่งในบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง

ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง หรืออยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ส่วน เกษตรกร ควรเสริมความแข็งแรงให้ไม้ผล และเตรียมการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง รวมทั้งระมัดระวังรักษาสุขภาพช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทย เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับจะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศลาวตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน

 

สำหรับภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ กับมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก

ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันดังกล่าว

จังหวัดที่คาดว่าจะมี ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี้

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568

ภาคใต้ : จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา กระบี่ ปัตตานี และนราธิวาส

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568

ภาคใต้ : จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568

ภาคใต้ : จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ประกาศ ณ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เวลา 17.00 น.

กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไปในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เวลา 05.00 น.

เตือน อากาศแปรปรวน ฉ.6 เปิดรายชื่อ 29 จังหวัด พื้นที่ฝนตกหนัก ลมแรง ลูกเห็บตก

 

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศประเทศไทย 18:00 น. วันนี้ ถึง 18:00 น. วันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ

อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน สุโขทัย กำแพงเพชร ตาก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 16-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-37 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 5-15 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย และชัยภูมิ อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ภาคกลาง

อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

ภาคตะวันออก

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร 

กรุงเทพและปริมณฑล

อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.

คาดหมายลักษณะอากาศของประเทศไทย ในระยะ 3 เดือน (กุมภาพันธ์ - เมษายน 2568)

กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุ ในระยะ 3 เดือนนี้ คาดว่าปริมาณฝนรวมบริเวณประเทศไทยส่วนใหญ่จะสูงกว่าค่าปกติประมาณร้อยละ 10 ในขณะที่ บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีปริมาณฝนรวมมากกว่าค่าปกติร้อยละ 20 โดยภาคเหนือจะมีปริมาณฝนรวม ประมาณ 100 - 140 มิลลิเมตร (ค่าปกติ 112 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 100 - 140 มิลลิเมตร (ค่าปกติ 146 มม.) ภาคกลาง ประมาณ 120 - 160 มิลลิเมตร (ค่าปกติ 119 มม.) กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประมาณ 170 - 210 มิลลิเมตร (ค่าปกติ 161 มม.) ภาคตะวันออก ประมาณ 200 - 250 มิลลิเมตร (ค่าปกติ 198 มม.) ภาคใต้ฝั่งตะวันออก ประมาณ 220 - 260 มิลลิเมตร (ค่าปกติ 217 มม.) และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ประมาณ 300 - 350 มิลลิเมตร (ค่าปกติ 330 มม.)

สำหรับอุณหภูมิเฉลี่ยของประเทศไทยส่วนใหญ่จะใกล้เคียงค่าปกติ ยกเว้นบริเวณภาคเหนือจะสูงกว่าค่าปกติประมาณ 0.5 - 1 องศาเซลเซียส โดยทางตอนบนของประเทศ จะมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 34 - 36 องศาเซลเซียส (ค่าปกติ 35 องศาเซลเซียส) ในขณะที่ภาคใต้จะมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 32 - 34 องศาเซลเซียส (ค่าปกติ 33.4 องศาเซลเซียส) ส่วนอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย บริเวณประเทศไทยประมาณ 23 - 25 องศาเซลเซียส (ค่าปกติ 23.5 องศาเซลเซียส)

เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ปริมาณฝนรวมบริเวณประเทศไทยส่วนใหญ่จะต่ำกว่าค่าปกติร้อยละ 30 ยกเว้นภาคใต้ฝั่งตะวันตกปริมาณฝนรวมจะใกล้เคียงค่าปกติ ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันออกปริมาณฝนรวมจะสูงกว่าค่าปกติร้อยละ 10 โดยมีปริมาณฝนรวมตามภาคต่างๆ ดังนี้ ภาคเหนือและภาคกลาง จะมีปริมาณฝนน้อยกว่า 10 มม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประมาณ 5 - 15 มม. ภาคตะวันออก ประมาณ 15 - 30 มม. ภาคใต้ฝั่งตะวันออก ประมาณ 40 - 60 มม. และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ประมาณ 20 - 40 มม.

สำหรับอุณหภูมิเฉลี่ยของประเทศไทยส่วนใหญ่จะใกล้เคียงค่าปกติ ยกเว้นบริเวณภาคเหนือจะสูงกว่าค่าปกติ ประมาณ 0.5 - 1 องศาเซลเซียส โดยบริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 33 - 35 องศาเซลเซียส และมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 21 - 23 องศาเซลเซียส ในขณะที่ภาคใต้จะมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 32 - 34 องศาเซลเซียส และมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 23 - 25 องศาเซลเซียส

เดือนมีนาคม 2568 ปริมาณฝนรวมบริเวณประเทศไทยตอนบนจะสูงกว่าค่าปกติประมาณร้อยละ 10 ในขณะที่ ภาคใต้จะมีปริมาณฝนรวมใกล้เคียงค่าปกติ โดยมีปริมาณฝนรวมตามภาคต่างๆ ดังนี้ ภาคเหนือ 20 - 40 มม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 40 - 60 มม. ภาคกลาง 30 - 50 มม. ภาคตะวันออก 60 - 90 มม. ภาคใต้ฝั่งตะวันออก 70 - 100 มม. ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ประมาณ 90 - 120 มม.

สำหรับอุณหภูมิเฉลี่ยของประเทศไทยส่วนใหญ่จะใกล้เคียงค่าปกติ ยกเว้นบริเวณภาคเหนือจะสูงกว่าค่าปกติ ประมาณ 0.5 - 1 องศาเซลเซียส โดยบริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 35 - 37 องศาเซลเซียส ในขณะที่ภาคใต้จะมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 33 - 35 องศาเซลเซียส ส่วนอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยทั้งประเทศ 24 - 26 องศาเซลเซียส

เดือนเมษายน 2568 ปริมาณฝนรวมประเทศไทยส่วนใหญ่จะสูงกว่าค่าปกติประมาณร้อยละ 20 ยกเว้นภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีปริมาณฝนรวมสูงกว่าค่าปกติ ประมาณร้อยละ 10 โดยมีปริมาณฝนรวมตามภาคต่างๆ ดังนี้ ภาคเหนือ 60 - 90 มม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ฝั่งตะวันออก 80 - 110 มม. ภาคกลาง 70 - 100 มม. ภาคตะวันออก 100 - 140 มม. กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 90 - 120 มม. ภาคใต้ฝั่งตะวันตกประมาณ 170 - 210 มม.

สำหรับอุณหภูมิเฉลี่ยของประเทศไทยส่วนใหญ่จะใกล้เคียงค่าปกติ โดยบริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 35 - 37 องศาเซลเซียส และมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 25 - 27 องศาเซลเซียส ในขณะที่ภาคใต้จะมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 33 - 35 องศาเซลเซียส และมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 24 - 26 องศาเซลเซียส