ทลายแก๊งฟอกเงินจีนเทา พบหมุนเวียน 6.5 พันล้าน ยึดทรัพย์ 14 ล้าน

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ทลายแก๊งฟอกเงินจีนเทา พบหมุนเวียนในบัญชี 6.5 พันล้าน ยึดทรัพย์ 14 ล้าน
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) จับกุมผู้ต้องหา 10 ราย ที่ได้ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. แถลงผลจับกุม ระบุว่า คดีนี้เริ่มจากเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีผู้เสียหายที่ต้องการหารายได้พิเศษ จนไปพบประกาศหางานในสื่อโซเชียล ผู้อยากหารายได้พิเศษ โดยรับสินค้าไปแพ็กที่บ้าน ช่วงแรกคนร้ายก็ชักชวนให้ทำงานรูปแบบออนไลน์ เป็นงานกดไลค์-กดเพิ่มยอดการติดตามต่าง ๆ ผู้เสียหายทดลองทำปรากฎว่าได้รับเงินจริงจำนวนหลายครั้ง
จากนั้นคนร้ายจึงเริ่มชักชวนให้ผู้เสียหายทำกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ โดยจะต้องนำเงินมาลงทุนก่อนได้รับผลตอบแทนประมาณ 30%-50% ช่วงแรก ๆ มีการให้ผลตอบแทนจริง จากนั้นคนร้ายก็หลอกให้นำเงินมาลงทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเงินออกมาจากระบบได้ คนร้ายอ้างว่าเป็นความผิดของผู้เสียหายที่ไม่ยอมทำตามขั้นตอน ภายหลังผู้เสียหายรู้ว่าถูกหลอกลวง จึงเข้าแจ้งความ บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า ต่อมาตำรวจ บก.ปอท. สืบสวนจนพบว่าคนร้ายทำกันขบวนการ มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยรับโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารต่าง ๆ ก่อนแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดถอนออกจากบัญชี โดยพบเหยื่อที่ถูกหลอกลักษณะเดียวกันประมาณ 60 ราย ความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท ก่อนจะออกหมายจับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 32 ราย แบ่งเป็นกลุ่มบัญชีม้าคนไทย 10 ราย, แก๊งคอลฯ ชาวจีน 2 ราย, กลุ่มฟอกเงิน จำนวน 20 ราย ประกอบด้วยชาวไทย 1 ราย, ชาวจีน 14 ราย, เกาหลี 5 ราย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท.,บก.ปคบ., บก.ปคม. และ บก.ทล. เปิดปฏิบัติการ “ทลายแก๊งฟอกเงินมังกรเทา” นำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 20 จุดใน 8 จังหวัดทั่วประเทศสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 10 ราย ทั้งหมดเป็นสมาชิกแก๊งฟอกเงินให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 5 ราย เจ้าของบัญชีม้า 5 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินต่างๆ รวม 210 รายการ เช่น คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ, สมุดบัญชี, รถยนต์ , เงินสด, โฉนดที่ดินบ้าน/คอนโด, นาฬิกาหรู, กระเป๋าแบรนด์เนมและทรัพย์สินมีค่าต่างๆ รวมมูลค่ากว่า 14 ล้านบาท
สำหรับ น.ส.อัจฉรา 1 ใน ผู้ต้องหา ให้การว่า ขั้นตอนการทำงาน แฟนหนุ่มชาวจีน จะคอยติดต่อกับกลุ่มจีนเทาต่าง ๆ จากนั้นตนและสมาชิกในแก๊ง ที่ได้รับเงินดิจิทัล โดยนำเหรียญดิจิทัลมาขายในรูปแบบ p2p ผ่านแพลตฟอร์ม Exchange โดยจะส่งเงินตามคำสั่งของกลุ่มจีนเทา ซึ่งหักยอดเงินจำนวนไม่มาก ตนเองและแฟนหนุ่มจะใช้วิธีการโอนเงินผ่านบัญชีของตนไปให้ลูกค้า แต่หากเป็นเงินจำนวนมากก็จะเบิกเงินสดนำไปส่งมอบให้ลูกค้า หรือ นำเข้าบัญชีต่าง ๆ ตามคำสั่งของกลุ่มจีนเทาที่ต้องการใช้เงินในประเทศไทย ตนเองทำหน้าที่ฟอกเงินตั้งแต่ปี 66 จนถึงปัจจุบัน โดยมีการรับเป็นสกุลเงินดิจิทัลสกุล USDT จำนวน 187 ล้านเหรียญ USDT คิดเป็นเงินไทยประมาณ 6,500 ล้านบาท และมีการถอนเงินสดเป็นเงินไทยไปแล้วประมาณ 2,900 ล้านบาท และยังนำเงินที่ได้จากการกระทำผิดไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ อีกด้วย
ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นชาวจีนทั้ง 4 รายนั้นให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับในข้อเท็จจริงว่า มีส่วนร่วมกับผู้ต้องหาที่ 1 มีหน้าที่รับเหรียญดิจิทัลมาจากกลุ่มจีนเทามาเทขาย ก่อนนำเงินสดส่งมอบให้ลูกค้า ซึ่งนอกจากพบความเกี่ยวข้องของเส้นทางการเงินที่มีการซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ แล้วยังพบว่าขบวนการนี้มีพฤติการณ์ตั้งบริษัทให้คนไทยเป็นนอมินีคอยรับโอนกรรมสิทธิ์บ้านหรือที่ดิน ซึ่งบริษัทที่จัดตั้งขึ้นเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้มีการดำเนินธุรกิจจริง โดยพบมียอดเงินไหลเข้าไปยังบริษัทอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 10 แห่ง ย่านบางนา เอกมัย และฝั่งธน ซึ่งใช้นอมินีสัญชาติไทย แต่กรรมการเป็นคนจีน ซึ่งตรงนี้ก็จะมีการตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม ส่วนตัวผู้ต้องหาทั้งหมดก็จะส่งตัวให้พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป