ไข้หวัดใหญ่ ระบาดหนัก! ช่วง 9 -15 ก.พ. 68 พบป่วยเพิ่ม 2 หมื่นราย

สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ระบาดรุนแรง ช่วง 9 -15 ก.พ. 68 พบผู้ป่วยรายใหม่ เพิ่มขึ้นกว่า 22,000 คน สะสมตั้งแต่ต้นปีกว่า 1.1 แสนคน เสียชีวิตแล้ว 9 คน แนะกลุ่มเสี่ยงเข้ารับวัคซีน
แพทย์หญิงจุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกรมควบคุมโรค ระบุถึงสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ ว่า ยังคงระบาดต่อเนื่องและพบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งระบบการเฝ้าระวังสถานการณ์โรค จะเป็นการติดตามเป็นรายสัปดาห์
โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่ วันที่ 9 -15 กุมภาพันธ์ 2568 พบ ผู้ป่วยรายใหม่ เพิ่มขึ้นกว่า 22,000 คน ทำให้ยอด ผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. -18 ก.พ.2568 รวม 117,620 คน ผู้เสียชีวิต 9 ราย
พบมีการระบาดเป็นกลุ่มโดยเฉพาะโรงเรียน ส่วนกลุ่มจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดมากที่สุดคือ เขตสุขภาพที่ 9 ประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ ชัยภูมิ โดยกลุ่มผู้ป่วยที่มากที่สุดอยู่ในช่วงอายุ 5- 9 ปี รองลงมากคือ 10- 14 ปี และ 0- 4 ปี
สถานการณ์การระบาดไข้หวัดใหญ่ ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยจากสภาพอากาศ โดยในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา มักจะเป็นฤดูการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ และโรคระบบทางเดินหายใจอื่นๆ จึงมีโอกาสที่จะพบผู้ป่วยและการระบาดเป็นกลุ่มก้อนของโรคไข้หวัดใหญ่และโรคระบบทางเดินหายใจที่มากขึ้น
กระทรวงสาธารณสุข เร่งเดินหน้าฉีดวัคซีน จำนวน 4.5 ล้านโดส ในกลุ่มเป้าหมายหลัก 7 กลุ่ม ตามสิทธิประโยชน์ สปสช. คือ
- เด็กอายุ 6 เดือน - 2 ปี
- ผู้สูงอายุที่อายุ 65 ปีขึ้นไป
- ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค
- ผู้ที่เป็นโรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ที่ป่วยเป็นโรคอ้วน มีน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป
- หญิงตั้งครรภ์ พร้อมแนะนำบุคคลกลุ่มเสี่ยงทั้ง 7 กลุ่ม ให้รีบเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เพื่อลดความรุนแรงของโรคและการเสียชีวิต
อาการไข้หวัดใหญ่
อาการจะเริ่มหลังได้รับเชื้อ 1-4 วัน ผู้ป่วยจะมีไข้แบบทันทีทันใด ( 38 ซ ในผู้ใหญ่ ส่วนในเด็กมักจะสูงกว่านี้) ปวดศีรษะ หนาวสั่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียมาก และอาจพบอาการคัดจมูก เจ็บคอ ถ้าป่วยเป็นระยะเวลานานอาจจะมีอาการไอจากหลอดลมอักเสบ (post viral bronchitis)
อาการจะรุนแรงและป่วยนานกว่าไข้หวัดธรรมดา (common cold) ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่มีบางรายที่มีอาการรุนแรง เนื่องจากมีภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือ ปอดบวม ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้
ผู้ที่เสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือเสียชีวิต ได้แก่
- ผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป
- เด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี
- ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคปอด โรคหัวใจ โรคไต เบาหวาน ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- เด็กที่ได้รับการรักษาด้วยยาแอสไพรินเป็นเวลานาน
- หญิงตั้งครรภ์ระยะที่ 2 หรือ 3 ในฤดูกาลที่มีไข้หวัดใหญ่สูง
การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกปี
- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่
- ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสบู่ หากไม่มีให้ใช้แอลกอฮอล์เจล (Alcohol Gel) สำหรับล้างมือแทน
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณดวงตา จมูก หรือปาก เพราะเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สามารถติดต่อได้ตามช่องทางเหล่านี้
- ควรใส่หน้ากากอนามัย
การดูแลตนเองและคนใกล้ชิดเมื่อเป็นโรคไข้หวัดใหญ่
- เมื่อเริ่มรู้สึกป่วย ให้หยุดอยู่บ้านเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่น
- ปิดจมูกและปากด้วยผ้าหรือกระดาษทิชชูเวลาไอหรือจาม
- ทิ้งกระดาษทิชชูที่ใช้แล้วลงถังขยะติดเชื้อ
- ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสบู่ หากไม่มีให้ใช้แอลกอฮอล์เจล (Alcohol Gel) สำหรับล้างมือแทน
- เข้ารับการรักษาและรับประทานยาตามคำสั่งแพทย์
- สามารถกลับไปดำเนินชีวิตได้ตามปกติหลังจากหายไข้แล้วอย่างน้อย 1 วัน







