อากาศปิด เตือน 15-17 ก.พ. ค่าฝุ่น PM2.5 พุ่งอีก บังคับใช้กฎหมายเข้ม ห้ามเผา

อากาศปิด เตือน 15-17 ก.พ. ค่าฝุ่น PM2.5 ทั่วไทยพุ่งอีก บกปภ.ช. ย้ำ จังหวัดใช้ข้อมูลจุดความร้อนแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน มาตรการ ห้ามเผา บังคับใช้กฎหมายเข้มข้น
วันนี้ (14 ก.พ. 68) ณ ห้องกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จัดประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหา ไฟป่า หมอกควัน และ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 โดยมีผู้บริหาร ปภ. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมฯ กำชับจังหวัดใช้ข้อมูลจุดความร้อน (Hotspot) จากดาวเทียมในการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก อย่างแม่นยำและรวดเร็ว คุมเข้มมาตรการและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ประชาสัมพันธ์สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อให้สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ดีขึ้น ค่าฝุ่นกลับมาอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานโดยเร็วที่สุด
นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะผู้อำนวยการกลาง/เลขานุการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) พบว่า สถานการณ์ฝุ่นในวันนี้ภาพรวมดีขึ้นในทุกพื้นที่ ไม่มีพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานในเกณฑ์สีแดง
ในส่วนของ กรุงเทพและปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก ยังคงมีพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับสีส้ม แต่โดยภาพรวมมีจำนวนน้อยลงกว่าเมื่อวาน ด้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือสถานการณ์ฝุ่นดีขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ส่วนภาคใต้มีคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ดี ระดับสีฟ้าและสีเขียว มีเพียงจังหวัดชุมพรจังหวัดเดียวที่มีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับสีส้ม
โดยจังหวัดที่มีค่าฝุ่นเฉลี่ยสูงสุดวันนี้ ณ เวลา 07.00 น. คือ
- กรุงเทพมหานคร
- สระบุรี
- แพร่
- ปทุมธานี
- พิษณุโลก
สำหรับสถานการณ์ในห้วงถัดไป ในวันที่ 15-17 ก.พ. 68 ยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ เนื่องจากมีสภาพอากาศปิด ซึ่งคาดว่าสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นในช่วงวันที่ 18 ก.พ. 68 เนื่องจากมีลมพัดผ่านประเทศไทย ทำให้สภาพอากาศเปิดและการระบายอากาศดีขึ้น
จุดความร้อน (Hotspot) ในวันนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 1,400 จุด ซึ่งมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และจุดความร้อนที่เกิดขึ้นอยู่ในพื้นที่ป่ามากกว่าพื้นที่การเกษตรกว่าหนึ่งเท่าตัว โดย "จังหวัดที่มีจุดความร้อนมากที่สุด" 5 ลำดับแรก ได้แก่
- กาญจนบุรี
- เพชรบูรณ์
- ชัยภูมิ
- ลำปาง
- อุตรดิตถ์
จากข้อมูลจุดความร้อนทำให้เห็นว่าภายหลังการ Kick off รณรงค์ "หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา" ตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ. 68 ที่ผ่านมา พบว่าจำนวนจุดความร้อนลงลดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์ ก่อนกลับมามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในช่วงวันที่ 10 ก.พ. จึงขอให้จังหวัดใช้ข้อมูลจุดความร้อนแต่ละวันในการชี้เป้าหมายพื้นที่ที่จะต้องเข้าดำเนินการแก้ไขทั้งพื้นที่ป่า พื้นที่เกษตรกรรม เขต สปก. พื้นที่ชุมชน รวมถึงพื้นที่อื่นๆ เพื่อให้การปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าเป็นไปอย่างแม่นยำและตรงเป้าหมาย รวมถึงดำเนินการตามาตรการทั้งในด้านการเฝ้าระวัง ป้องปราม ระงับ ยับยั้ง เพื่อไม่ให้เกิดการเผาในพื้นที่ ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น และสื่อสารประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้ประชาชนทราบสถานการณ์ ความจำเป็นของภาครัฐในการควบคุมการเผาอย่างเด็ดขาด ตลอดจนผลกระทบที่มีต่อสุขภาพ เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่และลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามมาตรการของภาครัฐ
ด้าน นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะประธานการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กล่าวว่า จากการดำเนินงานในห้วงที่ผ่านมา จังหวัดและหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีการดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากการประกาศเป็นพื้นที่ห้ามเผา โดยในวันนี้มีจังหวัดประกาศห้ามเผาเด็ดขาดแล้วจำนวน 73 จังหวัด อีก 3 จังหวัดอยู่ในระหว่างดำเนินการ การประกาศปิดป่าเพื่อป้องกันการเผาป่ารวม 134 พื้นที่ การส่งเจ้าหน้าที่เผชิญเหตุเข้าดับไฟป่า การตรวจจับรถควันดำ การตรวจโครงการก่อสร้างเพื่อป้องกันฝุ่นละออง การสนับสนุนหน้ากากอนามัยและการจัดห้องปลอดฝุ่นบริการประชาชน ถึงแม้วันนี้สถานการณ์ฝุ่นโดยภาพรวมจะดีขึ้น แต่ยังคงต้องมีการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ดำเนินการตามมาตรการอย่างเข้มข้นจนกว่าค่าฝุ่นในทุดพื้นที่ของประเทศไทยจะกลับมาอยู่ในเกณฑ์มาตรการ ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จะติดตามสถานการณ์และรายงานข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ให้ประชาชนทราบเป็นระยะ ทาง Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ X @DDPMNews หากประชาชนต้องการแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือ สามารถแจ้งเรื่องได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 หรือทางไลน์ "ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784" @1784DDPM ได้ตลอด 24 ชั่วโมง