อากาศแย่! กทม.จมฝุ่น PM2.5 ทุกพื้นที่ หนองจอก-มีนบุรี เตือนสีแดง กระทบสุขภาพ

อัปเดต ค่าฝุ่นบ่ายนี้ อากาศแย่ กทม.จมฝุ่น PM2.5 ทุกพื้นที่ เตือน เขตหนองจอก-มีนบุรี ฝุ่นพุ่งระดับสีแดง อันตราย มีผลกระทบต่อสุขภาพ งดกิจกรรมกลางแจ้ง GISTDA เผย จุดความร้อนไทยวานนี้พีคสุด ทะลุ 1,443 จุด
เช็ก "ค่าฝุ่น PM2.5"วันนี้ ค่าฝุ่นบ่ายนี้ ค่าฝุ่น กทม. ล่าสุด ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร รายงาน สถานการณ์ฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ในกรุงเทพมหานคร ประจำวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 15:00 น. ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 59.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.)
ทั้งนี้ "ฝุ่นละออง PM2.5" มีแนวโน้มลดลง ภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (ระดับสีส้ม) ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้ง
12 อันดับของ ค่าฝุ่น PM2.5 เขตสูงสุดในกรุงเทพมหานคร
- เขตหนองจอก 82.9 มคก./ลบ.ม.
- เขตมีนบุรี 76.8 มคก./ลบ.ม.
- เขตบึงกุ่ม 73.3 มคก./ลบ.ม.
- เขตคลองสามวา 73.1 มคก./ลบ.ม.
- เขตลาดกระบัง 72.8 มคก./ลบ.ม.
- เขตบางขุนเทียน 71.8 มคก./ลบ.ม.
- เขตบางนา 70.7 มคก./ลบ.ม.
- เขตคันนายาว 70.1 มคก./ลบ.ม.
- เขตบางกอกน้อย 67.8 มคก./ลบ.ม.
- เขตคลองเตย 67.3 มคก./ลบ.ม.
- เขตหนองแขม 66.9 มคก./ลบ.ม.
- เขตภาษีเจริญ 66.5 มคก./ลบ.ม.
กรุงเทพเหนือ
48.9 - 61.7 มคก./ลบ.ม.
ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
กรุงเทพตะวันออก
60.7 - 82.9 มคก./ลบ.ม.
ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
กรุงเทพกลาง
50.1 - 63.5 มคก./ลบ.ม.
ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
กรุงเทพใต้
55.9 - 70.7 มคก./ลบ.ม.
ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
กรุงธนเหนือ
52.7 - 67.8 มคก./ลบ.ม.
ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
กรุงธนใต้
49.8 - 71.8 มคก./ลบ.ม.
ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ข้อแนะนำสุขภาพ : คุณภาพอากาศระดับสีแดง - คุณภาพอากาศระดับสีส้ม
คุณภาพอากาศระดับสีแดง : มีผลกระทบต่อสุขภาพ
- งดกิจกรรมกลางแจ้ง
- หากมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองทุกครั้ง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5
- หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศ ให้เตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อมและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
คุณภาพอากาศระดับสีส้ม : เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
- ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา
- ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์
จุดความร้อนไทยวานนี้พีคสุด พบ 1,443 จุด พบมากสุดในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
กระทรวง อว. โดย GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ระบบ VIIRS และจากข้อมูลดาวเทียมดวงอื่นๆ ของเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 พบว่า ประเทศไทยมีจุดความร้อน รวม 1,443 จุด
ทั้งนี้ ข้อมูลจากดาวเทียมระบุว่า จุดความร้อนในประเทศไทยเกิดขึ้นใน
- พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 471 จุด
- พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 429 จุด
- พื้นที่เขต สปก. 222 จุด
- พื้นที่เกษตร 162 จุด
- พื้นที่ชุมชนและพื้นที่อื่นๆ 151 จุด
- พื้นที่ริมทางหลวง 8 จุด
5 อันดับ จังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุด
- กาญจนบุรี 260 จุด
- ลำปาง 108 จุด
- แพร่ 79 จุด
- เพชรบูรณ์ 64 จุด
- อุตรดิตถ์ 60 จุด
ในขณะที่จุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบมากที่สุดที่
- กัมพูชา 2,066 จุด
- พม่า 1,464 จุด
- ลาว 822 จุด
- เวียดนาม 237 จุด
- มาเลเซีย 15 จุด
ทั้งนี้ สามารถติดตามรายละเอียดข้อมูลปัจจุบัน ข้อมูลพื้นที่เสี่ยงไฟป่า พื้นที่เผาไหม้ซ้ำซาก รวมถึงดาวน์โหลดข้อมูลย้อนหลังเพิ่มเติมได้ที่ disaster.gistda