ค่าฝุ่น PM2.5 บ่ายนี้ กทม. อยู่เกณฑ์ปานกลาง เตือน 15 เขตสีส้ม เริ่มกระทบสุขภาพ

ค่าฝุ่น PM2.5 วันนี้ อัปเดต ค่าฝุ่นกรุงเทพ ล่าสุด ค่าฝุ่นบ่ายนี้ ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร รายงาน สถานการณ์ฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในกรุงเทพมหานคร (กทม.) ประจำวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 15.00 น. ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 35.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง (ระดับสีเหลือง)

 

12 อันดับ ค่าฝุ่น PM2.5 เขตสูงสุดในกรุงเทพมหานคร

• เขตหนองจอก 53.1 มคก./ลบ.ม.
• สวนหนองจอก เขตหนองจอก 50.5 มคก./ลบ.ม.
• เขตลาดกระบัง 49.2 มคก./ลบ.ม.
• เขตบางนา 45.8 มคก./ลบ.ม.
• เขตบึงกุ่ม 42.8 มคก./ลบ.ม.
• เขตมีนบุรี 42.5 มคก./ลบ.ม.
• เขตสายไหม 42.2 มคก./ลบ.ม.
• เขตคลองสามวา 41.9 มคก./ลบ.ม.
• เขตบางกอกน้อย 40.8 มคก./ลบ.ม.
• เขตวังทองหลาง 40 มคก./ลบ.ม.
• เขตภาษีเจริญ 39.6 มคก./ลบ.ม.
• สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง 39.6 มคก./ลบ.ม.

กรุงเทพเหนือ

33.6 - 42.2 มคก./ลบ.ม.
ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง

กรุงเทพตะวันออก

31 - 51.8 มคก./ลบ.ม.
ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

กรุงเทพกลาง

27.4 - 40 มคก./ลบ.ม.
ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง

กรุงเทพใต้

31.7 - 45.8 มคก./ลบ.ม.
ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง

กรุงธนเหนือ

30.2 - 37.1 มคก./ลบ.ม.
ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง

กรุงธนใต้

26.1 - 39.6 มคก./ลบ.ม.
ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง

ข้อแนะนำสุขภาพ : คุณภาพอากาศระดับสีส้ม (เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ)

ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา

ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์

 

GISTDA เผย จุดความร้อนไทยวานนี้ 555 จุด พบมากสุดในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 146 จุด

กระทรวง อว. โดย GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ระบบ VIIRS และจากข้อมูลดาวเทียมดวงอื่นๆ ของเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 พบว่าประเทศไทยมี จุดความร้อน รวม 555 จุด

ข้อมูลจากดาวเทียมระบุว่า จุดความร้อนในประเทศไทยเกิดขึ้นใน

• พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 146 จุด
• พื้นที่เกษตร 134 จุด
• พื้นที่เขต สปก. 129 จุด
• พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 104 จุด
• พื้นที่ชุมชนและพื้นที่อื่นๆ 35 จุด
• พื้นที่ริมทางหลวง 7 จุด

5 อันดับ จังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุด

• กาฬสินธุ์ 41 จุด
• ตาก 36 จุด
• เพชรบูรณ์ 36 จุด
• สระแก้ว 34 จุด
• ลำปาง 28 จุด

ขณะที่จุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบมากที่สุดที่

• กัมพูชา 2,409 จุด
• พม่า 655 จุด
• ลาว 350 จุด
• เวียดนาม 174 จุด
• มาเลเซีย 2 จุด

ทั้งนี้ สามารถติดตามรายละเอียดข้อมูลปัจจุบัน ข้อมูลพื้นที่เสี่ยงไฟป่า พื้นที่เผาไหม้ซ้ำซาก รวมถึงดาวน์โหลดข้อมูลย้อนหลังเพิ่มเติมได้ที่ disaster.gistda