สตม. พร้อมสกัดกั้นคนข้ามแดน ป้องกันถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์

สตม. พร้อมสกัดกั้นการขนคนข้ามแดน เข้าประเทศไทยและออกนอกประเทศ เน้นชายแดนใกล้ประเทศเพื่อนบ้านป้องกันไปทำงาน แก๊งคอลเซ็นเตอร์
วันนี้ (5 ก.พ. 68) พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สอท.รรท.รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.น.8 รรท.ผบก.สส. สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ช่วยราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ
สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและ ชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อ ความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
1. สตม. รวบชายผิวสีแดนหมอผีหลอกขายดอลลาร์หวังเชิดเงิน
2. สตม.จับหัวหน้าแก๊งผิวสีหลอกขายเม็ดทองปลอมอาศัยทีเผลอแอบสลับเงินปลอม กว่า 1.1 ล้านบาท
3. สตม.รวบลุงมะกันหื่น Overstay พบประวัติเป็นที่ต้องการตัวของ FBI โดยการปล่อยภาพ
อนาจารเด็ก
4. สตม.รวบเวียดนาม ลอบขายกัญชา ยึดของกลางกว่า 300 กิโล
5. ผลการปฏิบัติในส่วนของ สตม. ตามมาตรการแก้ไขปัญหาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ละคนต่างด้าวตั้งกลุ่มแก๊งกระทำความผิดหรือประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย และอาชญากรรมข้ามชาติ
พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. เผยว่า ดำเนินการตามสั่งการของ ผบ.ตร. โดยกำหนดมาตรการในการดำเนินการ 3 มาตรการ โดยให้เริ่มปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค. 2568 ดังนี้
1. มาตรการในการคัดกรองคนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยาน และด่านตรวจคนเข้าเมืองตามแนวชายแดน คัดกรองคนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง, คัดกรองบุคคลต้องห้ามที่ถูกบันทึกไว้ในระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง, Red Notice ของตำรวจสากล และคัดกรองบุคคลเพื่อหาข้อบ่งชี้ว่าอาจตกเป็นผู้เสียหายการค้ามนุษย์ตามกลไก NRM โดยกำหนดแนวทางการปฏิบัติเป็นมาตรฐาน หรือ SOP เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสามารถใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งข้อมูลบุคคลให้เจ้าหน้าที่สืบสวนเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลดำเนินการต่อไป โดยตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.2568 ถึงปัจจุบัน ได้ปฏิเสธการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร จำนวน 2,339 ราย (เมียนมา 933 ราย, ลาว 625 ราย, จีน 298 ราย, อินเดีย 110 ราย, กัมพูชา 61 ราย, เวียดนาม 33 ราย และ อื่น ๆ 279 ราย)
2. มาตรการในการสกัดกั้นคนต่างด้าวที่เดินทาง หรือจะเดินทางไปยังพื้นที่เฝ้าระวัง เข้าไปในพื้นที่ อ.แม่สอด จว.ตาก จำนวน 1,161 ราย
เปลี่ยนใจเดินทางกลับ 23 ราย (จีน 7 ราย, อินโดนีเซีย 10 ราย, อินเดีย 3 ราย, เวียดนาม 2 ราย และ ไนจีเรีย 1 ราย)
3. มาตรการในการสืบสวนสอบสวนป้องกันเหตุ, การสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีและขยายผล ให้ทุกหน่วยจัดทำข้อมูลเครือข่ายการลักลอบคนคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร เครือข่ายขนคน ผ่านแดน รวมถึงผู้ช่วยเหลือ สนับสนุน อาทิเช่น กลุ่มเครือข่ายรถรับจ้างสาธารณะ หรือรถขนส่งผิดกฎหมาย ที่อาจเข้า ไปเกี่ยวข้อง ช่วยเหลือ หรือสนับสนุนในการลักลอบคนคนต่างด้าวไปยังประเทศเพื่อนบ้านของไทย
- กรณีที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้รับการประสานจาก สำนักงานเลขาธิการด้านความมั่นคง (Office of the Secretary for Security) เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ขอให้ความช่วยเหลือชาวจีน-ฮ่องกง 12 ราย ที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 20 ม.ค.2568 ได้พบตัวชายชาวจีน-ฮ่องกง 1 ราย ที่บริเวณ อ.พบพระ จว.ตาก และเมื่อวันที่ 27 ม.ค.2568 ได้พบตัวหญิงชาวจีน-ฮ่องกง 1 ราย ในประเทศเมียนมา ทั้งคู่ให้ข้อมูลว่าถูกชักชวนจากชาวจีนให้ไปทำงานในประเทศเมียนมา ฝั่งตรงข้าม อ.พบพระ จว.ตาก
โดยเห็นว่ารายได้ดี จึงหลงเชื่อ แต่กลับถูกพาไปที่ฐานสแกมเมอร์ออนไลน์ในเขตอิทธิพลของกองกำลังกะเหรี่ยง DKBA และถูกบังคับให้ เป็นสแกมเมอร์ โดยไม่ได้เงินเดือน จึงพยายามติดต่อขอความช่วยเหลือญาติ และเจ้าหน้าที่ในฮ่องกง กระทั่งถูกปล่อยตัว กลับมาฝั่งไทย โดยเมื่อวันที่ 2 ก.พ.2568 พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรมาศ รอง ผบช.สอท.รรท.รอง ผบช.สตม. ได้เดินทางไป ร่วมกับคณะของ รมว.ยุติธรรม ในการลงพื้นที่ อ.แม่สอด จว.ตาก เพื่อประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงได้พูดคุยให้กำลังใจหญิงชาวจีน-ฮ่องกง ผู้เสียหายด้วย
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด