กรมการปกครอง ตั้งทีมระดับหมู่บ้าน ตรวจสอบเฝ้าระวังลักลอบเผา แก้ฝุ่น PM 2.5

“แก้ฝุ่น PM 2.5” กรมการปกครอง สั่งนายอำเภอ ติดตามสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ตั้งทีมระดับหมู่บ้านตรวจเฝ้าระวังลักลอบเผาในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
กรมการปกครอง “แก้ฝุ่น PM 2.5” สั่งนายอำเภอ ติดตาม สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ตั้งทีมระดับหมู่บ้านตรวจเฝ้าระวังลักลอบเผาในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า ได้มีข้อสั่งการให้นายอำเภอทุกอำเภอ ดำเนินการมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5
โดยเน้นย้ำมาตรการป้องกันก่อนการเกิดเหตุและเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการตามสถานการณ์ ในแต่ละพื้นที่ให้ได้ผลและสื่อสารเชิงรุกเพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจ ความเชื่อมั่นและปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องตามสถานการณ์ ดังนี้
1. จัดตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ระดับอำเภอ (War Room) เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหา ติดตามสถานการณ์ และรายงานให้ศูนย์ฯ ระดับจังหวัดทราบ
2. ร่วมกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควบคุมการเผาทุกชนิด ทั้งในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ พื้นที่การเกษตร พื้นที่รกร้างว่างเปล่า พื้นที่สาธารณะ พื้นที่สองข้างทางถนน รวมถึง การเผาขยะ กิ่งไม้ ตามบ้านเรือนประชาชน
3. เตรียมความพร้อมบุคลากร รถดับเพลิง วัสดุอุปกรณ์เพื่อใช้ระงับเหตุ และควบคุมไฟป่าในพื้นที่เสี่ยงให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่
4. จัดชุดปฏิบัติการฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกกองอาสารักษาสินแดน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ผู้นำชุมชน ฯลฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลาดตระเวน เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง ตรวจตราป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเผาในพื้นที่ทุกประเภท (ยกเว้นพื้นที่ที่กำหนดไว้ให้เป็นพื้นที่บริหารจัดการเชื้อเพลิงในห้วงเวลาที่กำหนด)
และหากพบเห็นไฟไหม้ป่า หรือไฟไหม้ในที่โล่ง ในเขตพื้นที่รับผิดชอบให้ดำเนินการดับไฟ หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้แจ้งหน่วยควบคุมไฟป่า หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ดำเนินการโดยเร็ว
5. ประชาสัมพันธ์ ผ่านหอกระจายข่าว เสียงตามสาย และดำเนินการเชิงรุก โดยให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ฯลฯ รณรงค์ประชาสัมพันธ์ และชี้แจงให้ประชาชนในพื้นที่ปฏิบัติตามประกาศจังหวัด โดยการเคาะประตูบ้าน สื่อสารให้ความรู้หรือสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกร ลดการเผาในพื้นที่เกษตรด้วยการแปรรูปและใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อสร้างรายได้
และให้ประชาชนงดการเผาทุกชนิด ด้วยการคัดแยกและจัดการขยะด้วยวิธีอื่นแทนการเผา และให้ตระหนักถึงปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะในเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ รวมทั้งความเสียหายทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นได้และสร้างการมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหา ทั้งในด้านการเฝ้าระวัง การแจ้งเหตุ และการบรรเทาผลกระทบ