แก้ PM 2.5 ภาคเกษตรห้ามเผาถึง 31 พ.ค. 68 ย้ำชัด ตรวจพบตัดสิทธิ์รับการช่วยเหลือ

แก้ PM 2.5 ภาคเกษตรห้ามเผาถึง 31 พ.ค. 68 ย้ำชัด ตรวจพบตัดสิทธิ์รับการช่วยเหลือ

รัฐบาล เผยมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ภาคการเกษตรเชิงรุก ห้ามเผาถึง 31 พ.ค. 68 ย้ำตรวจพบเกษตรเผา มีความผิด พร้อมถูกตัดสิทธิ์รับการช่วยเหลือ

วันนี้ (23 ม.ค. 68) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากมาตรการการบริหารจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งแก้ไขปัญหา"ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5" ผ่านมาตรการเชิงรุก “โครงการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพเกษตรกร” เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาด้านการเกษตร และช่วยเหลือเกษตรทุกโครงการ กล่าวว่า จากมาตรการดังกล่าวรัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กำหนดคุณสมบัติของเกษตรกรที่จะเข้าร่วม “โครงการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพเกษตรกร” ผ่านการตรวจเช็กประวัติการเผาในพื้นที่การเกษตรในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค. – 31 พ.ค. 68 ด้วยการเก็บข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลของเกษตรที่ทำการเผาในพื้นที่การเกษตร พร้อมด้วยการบูรณาการประสานการขอรับการสนับสนุนจากคณะกรรมการหมู่บ้านให้มีการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเผาพื้นที่อีกขั้นหนึ่ง
 

โดยหากพบว่าเกษตรที่มีความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ เมื่อตรวจสอบแล้วมีประวัติการเผาพื้นที่การเกษตร ให้ถือว่าขาดคุณสมบัติ ไม่ได้รับสิทธิในการเข้าร่วมโครงการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพเกษตรกรทุกโครงการ โดยให้ถือเป็นการขาดคุณสมบัติ ในการเข้าร่วมโครงการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพเกษตรกรนับตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2568 – วันที่ 31 พฤษภาคม 2570
 

นายอนุกูล กล่าวต่อไปว่า ในช่วงที่ผ่านมากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการติดตาม และตรวจสอบข้อมูลจุดความร้อน (Hotspot) จาก GISTDA พบว่า สถานการณ์การเผาในพื้นที่การเกษตรในขณะนี้ พบจุดความร้อน โดยมีหลายพื้นที่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานเพิ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลขอย้ำว่า ขอให้เกษตรการงดวิธีการเผา เนื่องด้วยวิธีการดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและมีความผิด ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดได้อย่างเด็ดขาด ขอให้เกษตรปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการเป็นการปลูกพืช ให้เป็นไปในรูปแบบที่ไม่ต้องมีการเผา ปลูกพืชทดแทนจากพืชล้มลุก เป็นพืชที่มีมูลค่าสูง เช่น กาแฟ มะคาเดเมีย อะโวคาโด มะม่วง หรือไม้ยืนต้นที่ไม่โตเร็ว ซึ่งจะสามารถเป็นส่วนช่วยในการเก็บกักคาร์บอนได้ดี หรือการปลูกพืชทดแทนพื้นที่นาปรัง เช่น พืชตระกูลถั่ว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น 
 

“รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจและให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างต่อเนื่อง โดยตลอดระยะเวลาที่ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้สร้างผลกระทบต่อประชาชน รัฐบาลพร้อมดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ไม่เพียงแค่มาตรการการบริหารจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 รัฐบาลพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนในมาตรการรับมือสถานการณ์ ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง เพื่อให้เกิดความครอบคลุมในการดำเนินการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ผ่านสร้างความตระหนักรู้ ความเข้าใจ ทั้งยังเป็นการประสานความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชนให้การจัดการและการแก้ไขปัญหาการเผาหมดไปอย่างยั่งยืน” นายอนุกูล ย้ำ