ไฟป่าอุทยานออบหลวง เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน เสียหายแล้วกว่า 335,000 ไร่
![ไฟป่าอุทยานแห่งชาติออบหลวง เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน เสียหายแล้วกว่า 3.3 แสนไร่](https://image.bangkokbiznews.com/uploads/images/md/2024/02/ukaNbgqIaGIYijWNINSE.webp?x-image-process=style/LG)
ดาวเทียมชี้เป้าพื้นที่เผาไหม้ในเขตอุทยานออบหลวง จ.เชียงใหม่ และ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เสียหายแล้วกว่า 335,000 ไร่
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) และจากดาวเทียมอีกหลายดวง เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ไทยพบจุดความร้อนทั้งประเทศ 850 จุด
ซึ่งข้อมูลจากดาวเทียมยังระบุอีกว่าจุดความร้อนที่พบส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 230 จุด ตามด้วยพื้นที่เกษตร 210 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 205 จุด พื้นที่เขต สปก. 118 จุด แหล่งชุมชนและอื่นๆ 84 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 3 จุด สำหรับจังหวัดที่พบจำนวนจุดความร้อนสูงสุด ได้แก่ เพชรบูรณ์ 55 จุด
ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านพบจุดความร้อนมากสุดอยู่ที่พม่า 2,247 จุด ตามด้วย กัมพูชา 955 จุด ลาว 933 จุด และเวียดนาม 109 จุด
ส่วนความคืบหน้าสถานการณ์ไฟป่าในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง อุทยานแห่งชาติแม่โถ และอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ที่กำลังเกิดไฟป่าลุกลามและขยายพื้นที่เป็นบริเวณกว้างอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เผยข้อมูลจากภาพดาวเทียม Landsat-8 ของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.48 น. แสดงภาพพื้นที่เผาไหม้บริเวณรอยต่อ อำเภอฮอด อำเภอจอมทอง และอำเภอแม่แจ่ม ของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีพื้นที่ถูกเผาไหม้แล้วกว่า 194,000 ไร่
ในส่วนของพื้นที่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบพื้นที่ที่ถูกเผาไหม้แล้วกว่า 141,000 ไร่ จากภาพแสดงให้เห็นถึงจุดความร้อนที่เกิดขึ้นของวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 (จุดสีฟ้า 39 จุด) และ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 (จุดสีแดง 16 จุด) รวมพื้นที่ความเสียหายทั้งหมด 335,000 ไร่ ซึ่งสาเหตุหลักของการเกิดไฟป่ายังคงมาจากการจุดไฟเผาเพื่อหาของป่า ล่าสัตว์ รวมถึงการเผาพื้นที่เกษตรก่อนเตรียมการเพาะปลูก และการเผาหลังเก็บเกี่ยวผลผลิต เป็นต้น
ข้อมูลดังกล่าวจะใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้าตรวจสอบในพื้นที่จริงร่วมกับจังหวัด เพื่อนำไปสู่การวางแผนฟื้นฟู ป้องกัน และสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ในการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน อันจะส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว และการรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้ยั่งยืน ข้อมูลเพิ่มเติม: ติดตามข้อมูลไฟป่าได้ที่ http://fire.gistda.or.th/