จับหนุ่มลอบขนน้ำเชื้ออสุจิข้ามไปปท.เพื่อนบ้าน ได้ค่าจ้างตัวละ 15,000 บาท

จับหนุ่มลอบขนน้ำเชื้ออสุจิข้ามไปปท.เพื่อนบ้าน ได้ค่าจ้างตัวละ 15,000 บาท

จับหนุ่มเครือข่ายอุ้มบุญข้ามชาติ ลักลอบขน 'น้ำเชื้ออสุจิ' ข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน เผยได้ค่าจ้างตัวละ 10,000-15,000 บาท พบมีนายทุนจีนอยู่เบื้องหลัง

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้ร่วมกันจับกุม นายธีระพงษ์ อายุ 33 ปี กระทำความผิดฐาน 'เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นนำหรือพาของต้องห้าม ของต้องกำจัดออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร และเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่น นำเข้าหรือส่งออก ซึ่ง อสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน ออกไปนอกราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย' โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าบ้านพักแห่งหนึ่งใน ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี 

 

 

สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี 2560 เจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคายได้จับกุม นายนิธินนทน์ (สงวนนามสกุล) พร้อมด้วยของกลางเป็นถังไนโตรเจน ข้างในบรรจุเชื้ออสุจิมนุษย์แช่แข็ง จำนวน 6 หลอด ก่อนจะเดินทางไปส่งที่ สปป.ลาว นายนิธินนทน์ยอมรับว่ามี นายธีระพงษ์ เป็นผู้ว่าจ้างให้ไปรับน้ำเชื้ออสุจิที่กรุงเทพฯ เพื่อนำส่งคลินิกที่ สปป.ลาว 

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า กลุ่มขบวนการนี้มีหน้าที่นำน้ำเชื้ออสุจิมนุษย์โดยมีกลุ่มนายทุนจีนว่าจ้างให้ลักลอบ นำออกไปส่งให้กับคลินิกมีบุตรยากที่ฝั่ง สปป.ลาว และ กัมพูชา เพื่อนำมาผสมกับไข่ของหญิงชาวลาวหรือชาวกัมพูชาที่รับจ้างอุ้มบุญ โดยมีจุดประสงค์ของทุนจีนคือการได้รับสัญชาติจากผู้รับจ้างอุ้มบุญ เพื่อเป็นการฟอกเงินจากกลุ่มจีนเทาอีกรูปแบบหนึ่ง จึงได้ออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องก็คือ นายธีระพงษ์ ผู้ทำการลับลอบการขนส่งน้ำเชื้ออสุจิ และเจ้าของน้ำเชื้ออสุจิ 

 

 

จากการสืบสวนพบตัวผู้กระทำความผิด นายธีระพงษ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับ จึงนำกำลังลงพื้นที่จนสามารถจับกุมตัวนายธีระพงษ์ได้ที่บ้านพักหลังดังกล่าว โดยนายธีระพงษ์ยอมรับว่า ได้ทำหน้าที่นำน้ำเชื้ออสุจิไปส่งตามคลินิกฝั่ง สปป.ลาว และกัมพูชา สาเหตุที่ไม่มีการฝากอุ้มบุญในไทยเนื่องจากการขออนุญาตเป็นเรื่องยากและเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ส่วนทางฝั่งเพื่อนบ้านมีกฎหมายรองรับและมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่ามาก และตนได้รับจ้างลักลอบนำส่งตัวอ่อนมาตั้งแต่ปี 2557 ถึงปี 2560 ครั้งละประมาณ 100 หลอด ได้รับค่าจ้างตัวละประมาณ 10,000-15,000 บาท จากนั้นจึงนำตัวนายธีระพงษ์ส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

 

ผลปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. และ พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป. สั่งการให้ ว่าที่ พ.ต.ต.อาธิรัตน์ ทิพย์เจริญ สว.กก.3 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป.