คุมตัวพ่อค้ายารายใหญ่ สามเหลี่ยมทองคำ ดำเนินคดีในไทย ยึดทรัพย์กว่า 4 พันล้าน

คุมตัวพ่อค้ายารายใหญ่ สามเหลี่ยมทองคำ ดำเนินคดีในไทย ยึดทรัพย์กว่า 4 พันล้าน

ป.ป.ส. แถลงรับตัว "อ่อง กิม วาห์" พ่อค้ายารายใหญ่ ย่านสามเหลี่ยมทองคำ จาก สปป.ลาว มาดำเนินคดีในไทย หลังตามตัวมากว่า 17 ปี ขยายผลเครือข่ายยึดทรัพย์กว่า 4 พันล้าน

เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมผู้แทนจาก บช.ปส. และ หน่วยปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา (DEA) แถลงข่าวการคุมตัวนายอ่อง กิม วาห์ สัญชาติมาเลเซียอายุ 39 ปี ผู้ร้ายข้ามแดน นักค้ายาเสพติดรายสำคัญ ตามหมายจับศาลอาญา 358/2566 จาก สปป.ลาว ในฐานความผิด ร่วมกันค้ายาเสพติด จับกุมได้เมื่อวันที่ 28-29 ธ.ค. 66

คุมตัวพ่อค้ายารายใหญ่ สามเหลี่ยมทองคำ ดำเนินคดีในไทย ยึดทรัพย์กว่า 4 พันล้าน

ซึ่งนาย อ่อง กิม วาห์ ถือเป็นผู้บงการจัดหายาเสพติด ในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ และส่งออกผ่านประเทศไทย ไปยังประเทศมาเลเซีย ก่อนกระจายออกไปในทวีปเอเชีย และยุโรป โดยทำมานานกว่า 17 ปี จนกระทั่งทางการสืบสวนของ ป.ป.ส. สืบจนทราบว่า นายอ่อง กิม วาห์ ได้หลบหนีออกจากประเทศไทยไปยัง สปป.ลาว โดยทางการไทยได้ประสานกับทางการลาวเพื่อให้จับตัวอ่อง กิม วาห์ ก่อนส่งมอบให้ประเทศไทยดำเนินคดีต่อไป

พ.ต.อ.ทวี เปิดเผยว่า ป.ป.ส. ได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมของอ่อง กิม วาห์ มาตั้งแต่ปี 2549  กระทั่งพบข้อมูลมีหน้าที่เป็นผู้จัดหาและติดต่อประสานงาน ระหว่างเครือข่ายนักค้ายาเสพติดชาวไทย มาเลเซีย จีน สิงคโปร์และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ โดยใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งฟอกเงินและเป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติดไปประเทศที่สาม เช่น มาเลเซีย ไต้หวัน ออสเตรเลีย 

ปี 2561 ถึงปัจจุบัน เครือข่ายของนายอ่อง กิม วาห์ ถูกจับกุมไปแล้ว 35 คน ซึ่งคดีส่วนใหญ่เกิดขึ้นในประเทศมาเลเซียพร้อมยึดไอซ์ 4.4 ตันเฮโรอีนเกือบ 500 กิโลกรัมและโคเคน 12 ตัน และยึดสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์กว่า 320 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 418 ล้านริงกิตมาเลเซียหรือเป็นเงินไทยกว่า 4 พันล้านบาท และกำลังดำเนินการตรวจยึดบริษัทของบุคคลในเครือข่ายอีก 8 แห่งต่อไป

สำหรับคดีการก่อเหตุในประเทศไทยจนนำไปสู่การออกหมายจับนายอ่อง กิม วาห์  เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 66 ที่ สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมมือกับกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด, หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (SEAL) และชุดปฏิบัติการพิเศษ กองทัพเรือ กองบัญชาการกองทัพไทย และศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) ได้บุกจับผู้ต้องหา 7 คน พร้อมยึดไอซ์ 998 กิโลกรัม ที่ จ.ราชบุรี ต่อมาสืบสวนและขยายผลจนทราบว่า นาย อ่อง กิม วาห์ เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง จึงได้มีการขอให้ศาลอนุมัติหมายจับ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2566 แต่นายอ่อง กิม วาห์ ได้หลบหนีไปประเทศลาว 

กระทั่งเมื่อ วันที่ 5 ตุลาคม 2566 เจ้าหน้าที่ได้บุกตรวจค้นสถานที่ 8 แห่ง ใน 4 จังหวัด คือ กทม. จ.ตราด จ.เชียงราย และ จ.ชลบุรี  ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายของนายอ่อย กิม วาห์  ทำการยึดอายัดทรัพย์สิน เช่น ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 1 แปลง คอนโดมิเนียม 2 ห้อง เรือยอร์ช 3 ลำ  รถยนต์ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 3 คัน อาวุธปืนสั้น 1 กระบอก อาวุธปืนยาว 2 กระบอก เงินสด 275,000 บาท อายัดเงินในบัญชีธนาคาร 10 บัญชี ยอดเงิน 1,542,080 บาท และทรัพย์สินอื่น รวมมูลค่ากว่า 85 ล้านบาท 

 

พ.ต.อ.ทวี กล่าวทิ้งท้ายว่า การจับกลุ่มในครั้งนี้เป็นสัญญาณดีที่แต่ละประเทศร่วมมือกันปราบปรามยาเสพติด ประเทศไทยมีมีความยินดีในการเป็นแกนกลางเพื่อประสานความร่วมมือ เช่นนี้ในการปรับปราบยาเสพติดในภูมิภาค ขอบคุณหน่วยงานจากต่างประเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย เจ้าหน้าที่ตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย และสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา ที่ร่วมสนับสนุนข้อมูลการข่าวซึ่งไทยและหน่วยงานระดับนานาชาติจะร่วมมือกันเพื่อขยายผลยึดทรัพย์ผู้กระทำความผิดและนำผู้เกี่ยวข้องมาลงโทษให้มากที่สุดต่อไป