อัปเดต! น้ำตาตก ลุงพลป้าแต๋น กอดแฟนคลับร่ำไห้ สู้ต่อคดีน้องชมพู่

อัปเดต! น้ำตาตก ลุงพลป้าแต๋น กอดแฟนคลับร่ำไห้ สู้ต่อคดีน้องชมพู่

อัปเดต! ลุงพลป้าแต๋น ผูกแขน สวมกอดแฟนคลับร่ำไห้ น้ำตาตกหลังศาลให้ประกันตัว เดินหน้าหาหลักฐานใหม่ต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์

กรณี ลุงพล ป้าแต๋น สวมกอดแฟนคลับร่ำไห้ สู้ต่อคดีน้องชมพู่ วันที่ 21 ธันวาคม 2566 ที่บ้านจำปาดง ต.กุดเรือคำ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร บ้านของนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล กับนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น ภายหลังจากศาลอนุญาติให้ใช้หลักทรัพย์ 500,000 บาท ประกันตัวออกมาสู้คดี 

บรรยากาศเช้านี้ ลุงพล ป้าแต๋นได้ทำบุญตักบาตร ต่อมาในช่วงสายได้มีการรำบวงสรวงถวายครูบาอาจารย์ที่นับถือ ก่อนจะจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญผูกข้อมือโดยการนำของพาหมณ์ ยังมีกลุ่มแฟนคลับ ยูทูบเบอร์ มาร่วมให้กำลังใจ และกองทัพสื่อมวลชนมารอนำเสนอข่าวจำนวนมาก 

ขณะที่กำลังทำพิธีสวดอยู่ลุงพลและป้าแต๋นยังมีสีหน้าเรียบเฉย แต่พอพรามณ์ที่ทำพิธีสวดมนต์เสร็จก็เปิดโอกาสให้แฟนคลับเข้ามาผูกแขน บางคนก็ผูกแขนด้วยธนบัตรเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ลุงพล ป้าแต๋น พร้อมกับสวมกอดแฟนคลับร่ำไห้ด้วยความตื้นตันใจ

นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล กล่าวว่า สำหรับการจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญเป็นประเพณีท้องถิ่นอีสานเพื่อเรียกขวัญแลักำลังใจ คงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วสำหรับลุงป้าในตอนนี้ วันนี้ที่ร้องไห้เพราะได้รับกำลังใจจากทั้งแฟนคลับและยูทูบเบอร์

ถามว่าเครียดไหมตนเหนื่อยมากกว่าเพราะต้องขับรถจนเกือบหลับใน หลังจากออกมาจากศาลทีแรกเข้าใจว่าศาลยกทั้งหมด เพราะอ่านคำพิพากษาร้อยกว่าหน้าใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง แต่มาทราบอีกทีตอนทนายแถลงข่าวเพิ่งรู้ตัวที่ได้รับประกันตัวนั้นถูกตัดสินจำคุก 20 ปี

อัปเดต! น้ำตาตก ลุงพลป้าแต๋น กอดแฟนคลับร่ำไห้ สู้ต่อคดีน้องชมพู่

 ตนรู้สึกว่าไม่เคยทำผิดอะไร ติดคุกแล้วเหรอ ต่อมาทนายก็บอกว่าศาลท่านเมตตาที่ให้ประกันตัวภายในวันตัดสิน ทั้งนี้ขอขอบคุณในความเมตตาของศาลที่ให้ตนออกมาสู้คดีในกระบวนการยุติธรรมชั้นต่อไป

ส่วนการดำเนินการชั้นศาลอุทธรณ์ ต้องรอ ร่างคำพิพากษาประมาณหนึ่งเดือนเพื่อนำมาเขียนคำร้องว่าขาดตกบกพร่องตรงไหน หากดูที่คำพิพากษาศาลตัดสินว่าไม่ได้เจตนาฆ่าคิดว่าจะสู้ประเด็นนี้ ไม่ว่าจะมีพิรุธในส่วนไหนตนก็พร้อมจะพิสูจน์ในชั้นศาลอุทธรณ์

สำหรับคำแนะนำที่มีการให้เปลี่ยนทีมกฎหมาย ตนมองว่าทีมทนายธรรมรังสีทำงานดีที่สุดแล้ว นักกฎหมายหรือทนายความในประเทศนี้ที่เรียนกฎหมายมาย่อมเรียนตำราเดียวกัน ต่างกันแค่สถาบัน ต่างคนต่างก็ยกว่าตัวเองเป็นหนึ่ง ซึ่งนักกฎหมายก็คือนักกฎหมายมีสิทธิ์ที่จะวิเคราะห์และให้มุมมองข้อคิดต่างๆ 

อย่างไรก็ดี ตนจะยังใช้ทีมกฎหมายเดิม ถามว่าชั้นอุทธรณ์จะมีพยานหลักฐานเพิ่มหรือไม่ ตนเองก็เพิ่งเคยเจอคดีอาญาคงต้องรอคุยรายละเอียดกับทีมกฎหมายอีกที สิ่งสำคัญสำคัญที่สุดก็คือต้องพิสูจน์ตัวเองในเรื่องห้วงเวลา ช่วง 9 โมงเศษกลับช่วงบ่าย 2 โมง ก็อีกประมาณหนึ่งเดือนจะได้เห็นรายละเอียดของคำพิพากษาที่ต้องไปแก้ต่างกับข้อพิรุธ

สำหรับของพยานปากเอก ตนเห็นพยานคนนี้ไปออกข่าวว่าได้พบตน 9 โมง 20 นาที หลังจากนั้นก็นั่งอยู่ที่บ้าน พ่อชมพู่ขับ จยย. มา 9 โมง 40 นาที ห่างกันประมาณ 20 นาที พอตนดูข่าวเสร็จก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปหาพยานคนดังกล่าว และบอกไปว่าถ้าไปออกข่าวแบบนั้นจะทำให้พ่อชมพู่ลำบาก

 ตนนั้นมีพยานอยู่แล้ว เพราะขณะที่ตนคุยกับพยานคนนี้อยู่น้องโอมลูกชายก็เอาโทรศัพท์ไปให้ตรงสวนยางที่ลุงกำลังกระตุ้นยางไม่ใช่กรีดยาง วันนั้นพูดแค่นี้ไม่ใช่ให้ไปเปลี่ยนคำให้การ เป็นเวลาวันที่ 9 วันที่ 10 อย่างที่กล่าวอ้าง ในวันนั้นไม่มีการข่มขู่หรือทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด และไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร อีกอย่างพยานปากนี้เคยต้องคดี ในคดีตัดไม้ระยะเวลาประมาณหนึ่งปี ขณะนั้นก็มีตนที่คอยช่วยเหลือครอบครัวเขา ส่วนคำให้การก็เป็นสิทธิ์ของพยานที่พูดได้ ยืนยันไม่ได้มีการข่มขู่ทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด

ด้านทีมกฎหมายของเราพยายามรวบรวมข้อมูลหลักฐานรอบด้านรวมถึงจากสื่อสารมวลชน ว่าพนักงานพิสูจน์หลักฐานได้ขึ้นรถตนก่อนจะสวมชุดPPE แม้แต่กระทั่งตนเองก็ยังสงสัยว่าเส้นผมนั้นมาตกอยู่บนรถของตนได้อย่างไร หากเส้นผมที่ได้ไปเป็นของน้องชมพู่ ตนได้ให้ข้อมูลกับทีมกฎหมายว่าไม่เคยล้างรถ น้องชมพู่ก็ขึ้นรถจนอยู่เป็นประจำ ซึ่งส่วนใหญ่น้องจะขึ้นรถตนและน้าเสริม ส่วนรถคนอื่นก็ไม่ค่อยได้ขึ้นเท่าไหร่ แต่ว่า จนท.พิสูจน์หลักฐาน ตรวจแต่รถตนจึงรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม หากตรวจรถทุกคัน เส้นผมอาจจะตกรถทุกคันก็ได้เพราะเป็นบรรดาเครือญาติกัน

ขณะที่ น.ส.สมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น กล่าวทั้งน้ำตาว่า ที่ร้องไห้วันนี้มันมีหลายอย่างที่ไม่เคยร้อง เราเห็นกลุ่มยูทูบเบอร์เค้าให้กำลังใจเป็นห่วงว่าจะขาดรายได้จากตรงนี้ไหม และแอดมินที่มาช่วยงานเค้าจะขาดรายได้ตรงนี้หรือเปล่า แต่ตนหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาแล้วตอนนี้เหลือแค่ลุง 

พร้อมกันนี้ยังมีกลุ่มแฟนคลับที่คอยให้กำลังใจตั้งแต่ยังไม่ฟังคำตัดสินจะกระทั่งกลับมาถึงที่บ้าน ส่วนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น สื่อก็ต่างทำหน้าที่ในการนำเสนอข่าวส่วนสังคมจะตัดสินอย่างไรก็อีกเรื่องหนึ่ง จนบรรดาแฟนคลับนอนไม่หลับโทรมาด้วยความเป็นห่วงไม่อยากให้ออกสื่อ 

ตนมองว่าสื่อก็ทำหน้าที่ของด้วยอาชีพของเขา แต่คนมาคอมเม้นต์ก็เป็นเพียงความเห็นต่างเท่านั้น เรามีความสุขแค่ตรงนี้ก็พอแล้ว ทั้งนี้แฟนคลับส่งกำลังใจมาอย่างล้นหลามพร้อมกับให้กำลังใจให้สู้ในชั้นศาลชั้นต่อไป ตนยินดีที่จะอยู่เคียงข้างลุงพลคนภายนอกอาจจะไม่รู้ว่าลุงเป็นอย่างงไร ยันไม่ทิ้งไปไหน