ครูชัยยศ รับเหนื่อย แต่ไม่ยอมแพ้ ลั่นพร้อมสู้ ปมเซ็นรับรองงบอาหารกลางวัน

ครูชัยยศ รับเหนื่อย แต่ไม่ยอมแพ้ ลั่นพร้อมสู้ ปมเซ็นรับรองงบอาหารกลางวัน

“ครูชัยยศ” ยอมรับเหนื่อยแต่ไม่ยอมแพ้ ขอตั้งรับ แต่ไม่ยอมรับ ปมเซ็นรับรองงบอาหารกลางวัน เผยไม่ติดใจอดีตผอ.โรงเรียน-อดีตเพื่อนร่วมงาน เตรียมเปิดร้านขายโรตี ทางแยกขึ้น อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ แนะครูรุ่นใหม่เพิ่มความรอบคอบในเรื่องกฎหมาย

จากกรณีที่ นายชัยยศ สุขต้อ หรือ ครูชัยยศ อดีตครูชำนาญการพิเศษ (คศ.3) โรงเรียนยางเปา อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ที่ถูกคำสั่งปลดออกจากราชการ หลัง ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดทางอาญาและวินัย  และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 มีคำสั่งปลดออกจากราชการในเวลาต่อมา

ซึ่งกระแสข่าวนี้ก็เป็นที่จับตามองของคนในสังคม ส่วนหนึ่งมาจากการที่คนในสังคมเห็นใจในตัวของ ครูชัยยศ ที่ ตั้งใจทำด้วยหัวใจเพื่อเหล่านักเรียน แต่ถูกให้ออกจากราชการ  ขณะที่ตัวของครูชัยยศเอง ก็ได้ออกมาชี้แจงถึง ที่มาที่ไปของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และให้เหตุผลว่า ตนไม่มีความรู้ด้านกฎหมายทำให้ไม่ทราบว่าการกระทำดังกล่าว ไม่สามารถทำได้และมีความผิดทางด้านกฎหมาย พร้อมเดินหน้าต่อสู้ทางด้านกฎหมาย
 

ล่าสุดวันนี้ 9 ธันวาคม  2566 เมื่อเวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ครูชัยยศ ผ่านทางโทรศัพท์ เปิดเผยว่า ในตอนนี้ตนกำลังเดินทางออกจากตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ไปที่อำเภออมก๋อย เพื่อที่จะเตรียมจัดการกับข้าวของเครื่องใช้อุปกรณ์การเรียนการสอนส่วนตัวของตน และเตรียมที่จะย้ายออกจากในพื้นที่ที่โรงเรียนตั้งอยู่ เพื่อความสบายใจของคนในพื้นที่  

แต่ข้าวของเครื่องใช้ที่ตนจะขนออกมาคงเป็นบางส่วนเท่านั้น  ในส่วนของอุปกรณ์ที่เป็นประโยชน์กับตัวนักเรียนตนก็จะทิ้งไว้ที่โรงเรียน เพื่อให้นักเรียนได้ใช้ในการเรียนต่อไป

ในอนาคตตนมีความคิดว่าจะมาเปิดร้านขายโรตีเพื่อเลี้ยงชีพอยู่ที่ ทางแยกที่จะขึ้นไปยังอำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่

แต่ตอนนี้ตนยอมรับว่าตนเริ่มรู้สึกเหนื่อยกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น จนบางครั้งก็ท้อแต่ก็กลับขึ้นมาสู้ใหม่ เนื่องจากอยากจะล้างมลทินให้กับตัวเอง ซึ่งตอนนี้ก็ต้องคิดในแง่บวกเอาไว้ก่อน  และตนก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตนทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้กับเด็กนักเรียนให้ได้เรียนหนังสือ 

ครูชัยยศ ยังเล่าเพิ่มเติมว่า ในตอนนี้ตนไม่คิดว่ามีใครมาหลอกตนทั้ง อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน อดีตเพื่อนร่วมงาน ซึ่งตนก็ไม่ติดใจไม่โกรธใครทั้งสิ้น

แต่เรื่องของเอกสารที่เกิดขึ้นตนคิดว่าทุกคนมีเป้าหมายเพื่อที่จะให้โรงเรียนดำเนินต่อไปได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับตัวนักเรียนให้ได้มากที่สุด ตอนนี้ตนก็ได้แค่แก้ไขปัญหาและดำเนินชีวิตต่อ “ตั้งรับแต่ไม่ไม่ยอมรับ” 

อย่างไรก็ตามก็ขอฝากไปถึงคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจจะประกอบอาชีพครู เพื่อที่จะให้ความรู้และช่วยเหลือเด็กนักเรียนนอกจากจะมีความตั้งใจแล้วก็ต้องมีความรอบคอบในเรื่องของเอกสารและความรู้ทางด้านกฎหมายเอาไว้ด้วย