สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 13 พ.ย. 66

สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 13 พ.ย. 66

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 13 พ.ย. 66 ระดับน้ำเกินระดับควบคุมสูงสูด 10 แห่ง ขณะที่ทั่วไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.สรุปสถานการณ์น้ำ ภาพรวมของประเทศ วันที่ 13 พ.ย. 66 โดย สภาพอากาศวันนี้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลางมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง 

คาดการณ์ ช่วงวันที่ 14-15 พ.ย. 66 ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนวันที่ 16 พ.ย. 66 ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนอง

ปริมาณน้ำรวมทั้งประเทศ ณ วันที่ 12.พ.ย. 66 น้อยกว่า ปี 2565 จำนวน 3,997 ล้าน ลบ.ม. สรุปได้ดังนี้

  • ปริมาณน้ำทั้งประเทศ 64,033 ล้าน ลบ.ม. (78%)
  • ปริมาณน้ำใช้การ 39,865 ล้าน ลบ.ม. (69%)

การประเมินสถานการณ์แหล่งน้ำขนาดใหญ่

ระดับน้ำเกินระดับควบคุมสูงสูด 10 แห่ง

  • ภาคเหนือ : กิ่วลม แม่งัดสมบูรณ์ชล กิ่วคอหมา แม่มอก แควน้อยบำรุงแดนและบึงบอระเพ็ด
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : อุบลรัตน์ และลำปาว
  • ภาคกลาง : ป่าสักชลสิทธิ์
  • ภาคตะวันออก : ขุนด่านปราการชล

ระดับน้ำเกินระดับควบคุมต่ำสุด 5 แห่ง

  • ภาคเหนือ: สิริกิติ์ และทับเสลา
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: หนองหาร
  • ภาคกลาง : กระเสียว ภาคตะวันออก : คลองสียัด   

โดยขอให้หน่วยงานดำเนินการ 1) วางแผนการระบายน้ำโดยจัดลำดับความสำคัญตามที่คณะกรรมการลุ่มน้ำกำหนด  2) ประชาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้ให้กับเกษตรกรและขอความร่วมมือให้เกษตรกรงดการปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง และ  3) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ โดยการใช้น้ำภาคการเกษตรให้ส่งเสริมการปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกพืช เพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำและเพิ่มรายได้ในพื้นที่

น้ำเพื่ออุปโภค-บริโภค แม่น้ำเจ้าพระยา ณ สถานีสูบน้ำสำแล จ.ปทุมธานี อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน   

น้ำเพื่อการเกษตร แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำบางปะกง  อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

ประกาศ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 4/2566 ลงวันที่ 12 พ.ย. 66 เรื่อง เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคใต้

สทนช. ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศ และได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำด้วยฝนคาดการณ์ โดยมีพื้นที่เสี่ยงบริเวณภาคใต้ ต้องเฝ้าระวัง ในช่วงวันที่ 14 – 18 พฤศจิกายน 2566 ดังนี้

เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก

  • จ.ชุมพร (อ.เมืองชุมพร ปะทิว และหลังสวน)
  • จ.ระนอง (อ.เมืองระนอง กระบุรี ละอุ่น กะเปอร์ และสุขสำราญ)
  • จ.สุราษฎร์ธานี (อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ท่าชนะ ไชยา พุนพิน กาญจนดิษฐ์ ดอนสัก บ้านนาสาร เกาะสมุย และเกาะพะงัน)
  • จ.นครศรีธรรมราช (อ.เมืองนครศรีธรรมราช ขนอม สิชล นบพิตำ ลานสกา ท่าศาลา ปากพนัง ชะอวด และหัวไทร)
  • จ.พัทลุง (อ.บางแก้ว ป่าบอน เขาชัยสน อ.เมืองพัทลุง และปากพะยูน)
  • จ.สงขลา (อ.ระโนด สะทิงพระ สิงหนคร จะนะ สะเดา และเทพา)
  • จ.ปัตตานี (อ.เมืองปัตตานี หนองจิก และแม่ลาน)
  • จ.นราธิวาส (อ.เมืองนราธิวาส บาเจาะ ยี่งอ เจาะไอร้อง ตากใบ สุไหงโก-ลก และสุคิริน)
  • จ.ยะลา (อ.เมืองยะลา รามัน ยะหา และบันนังสตา)

เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 บริเวณ จ.ระนอง และสุราษฎร์ธานี และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ที่มีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ และส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ 

สถานการณ์น้ำท่า

  • สถานการณ์น้ำท่าประเทศไทย 

สถานการณ์น้ำส่วนใหญ่มีแนวโน้มลดลง ยกเว้น บริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น   

  • สถานการณ์น้ำท่าแม่น้ำโขง 

คาดการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำโขงในช่วง 5 วันข้างหน้าพบว่า แนวโน้มเพิ่มขึ้น 1 สถานี คือ สถานีเชียงแสน แนวโน้มลดลง 4 สถานี คือ เชียงคาน หนองคาย นครพนม และมุกดาหาร แนวโน้มทรงตัว 1 สถานี คือ โขงเจียม

กองทัพบก ร่วมกับผู้นำท้องถิ่นและฝ่ายปกครอง อ.สะเดา จ.สงขลา ได้ลงพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักในพื้นที่ส่งผลให้เกิดน้ำป่าจากเทือกเขาน้ำค้างชายแดนไทย-มาเลเซีย ไหลบ่าทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านน้ำลัด ซึ่งตั้งอยู่พื้นที่หมู่ 2 ต.สำนักแต้ว อ.สะเดา เกือบทั้งหมู่บ้านประมาณ 400 ครัวเรือน โดยช่วยขนย้ายสิ่งของไปไว้ที่สูงและอพยพชาวบ้านในกรณีที่จำเป็นต้องออกจากบ้าน