กรมอุตุฯ เผยมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางเริ่มปกคลุมไทยตอนบน แต่ยังมีฝนรบกวน

กรมอุตุฯ เผยมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางเริ่มปกคลุมไทยตอนบน แต่ยังมีฝนรบกวน

กรมอุตุนิยมวิทยา เผยพยากรณ์ฝนสะสมรายวัน 10 วันล่วงหน้า 12-21 พ.ย.66 มวลอากาศเย็นกำลังปานกลางเริ่มแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนเป็นระลอกๆ ทำให้ลมหนาวที่พัดปกคลุมมีกำลังแรงขึ้น แต่ยังมีฝนรบกวน

"กรมอุตุนิยมวิทยา" พยากรณ์ฝนสะสมรายวัน (ทุกๆ 24 ชม.) 10 วันล่วงหน้า ระหว่าง 2-21 พ.ย.66 อัปเดตจากศูนย์พยากรณ์อากาศระยะกลางยุโรป (ECMWF) ระบุว่า ช่วง 12 -13 พ.ย.66 คาดว่ายังมีมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางเริ่มแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนเป็นระลอกๆ ทำให้ลมหนาวที่พัดปกคลุมมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับช่วงนี้ ยังมีลมตะวันออก ตะวันออกเฉียงใต้พัดแทรกเข้ามาปกคลุมบางช่วง ยังมีฝนรบกวน ยังไม่ขาดเม็ด เป็นฝน/ฝนฟ้าคะนอง โดยเฉพาะบริเวณภาคอีสานตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก กทม.และปริมณฑล เมฆมากช่วงบ่าย ต้องเฝ้าระวังฝนฟ้าคะนองในระยะนี้

ยังแจ้งเตือน พี่น้องเกษตรกร ที่กำลังเก็บเกี่ยวและตากผลผลิต (ข้าวนาปี) งานกลางแจ้ง เช้าถึงบ่ายแดดพอมีแดด เย็นๆ มีเมฆมาก และมีฝน อากาศยังไม่เย็นลงมากนัก ความชื้นสูง ส่วนภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ต้องเฝ้าระวัง พี่น้องชาวเรือระวังคลื่นลมแรงบริเวณที่ฝนฟ้าคะนอง

กรมอุตุฯ เผยมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางเริ่มปกคลุมไทยตอนบน แต่ยังมีฝนรบกวน

ในช่วง 14 -21 พ.ย.66 ฤดูหนาวมาช้าแต่มาชัวร์ เตรียมรับลมหนาว คาดว่าจะมีมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรง แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอบน ทำให้ลมหนาวแรงขึ้น ฝนบริเวณประเทศไทยตอนบนเริ่มลดลง อาจจะยังมีฝนเกิดขึ้นในบ้างช่วงที่มวลอากาศเย็นแผ่ลงมาระยะแรก (16 พ.ย.66) หลังจากนั้นอุณหภูมิจะเริ่มลดลง และมีลมแรง เป็นสัญญาณการเริ่มต้นฤดูหนาวเริ่มชัดขึ้นในช่วงนี้ เตรียมวางแผนไปสัมผัสเย็นถึงหนาวได้ โดยเฉพาะตามยอดดอย ยอดภู อากาศหนาว (17 - 20 พ.ย.66) พื้นราบอากาศเย็น ระมัดระวังรักษาสุขภาพช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง

ส่วนภาคใต้ตั้งแต่ จ.ชุมพร ลงไป ต้องระวังฝนตกหนักต่อเนื่อง คลื่นลมแรงขึ้น ปีนี้การเริ่มต้นฤดูหนาวมาช้า อาจจะเลื่อนไปในช่วงกลางเดือน พ.ย. ช่วงแรกๆ อาจจะยังมีฝนฟ้าคะนอง

ข้อมูลนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามข้อมูลนำเข้าใหม่ ภายใต้เงื่อนไขของปีที่เกิดปรากฎการณ์เอลนีโญ ซึ่งทำให้สภาวะฝนและพายุเปลี่ยนแปลงไป ใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ

กรมอุตุฯ เผยมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางเริ่มปกคลุมไทยตอนบน แต่ยังมีฝนรบกวน

ขณะที่ กรมอุตุนิยมวิทยา ยังเผยแพร่ พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า ระบุว่า ในช่วงวันที่ 12 – 15 พ.ย. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศมาเลเซีย ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 16 – 18 พ.ย. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่งในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลงกับมีแรง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิลดลง 2 – 4 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิลดลง 1 – 2 องศาเซลเซียส

สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ตลอดช่วง

  • ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สำหรับประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วยตลอดช่วง

สถานการณ์"แผ่นดินไหว"(ในช่วงวันที่ 11 - 12 พ.ย. 2566): ตรวจพบเหตุการณ์แผ่นดินไหว

  • ขนาด 1.7 มีศูนย์กลางอยู่ที่ ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย
  • ขนาด 2.1, 1.8 มีศูนย์กลางอยู่ที่ ต.เวียงเหนือ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
  • ขนาด 1.5 มีศูนย์กลางอยู่ที่ ต.เมืองงาย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นแผ่นดินไหวขนาดเล็ก
  • ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทยแต่อย่างใด