3 เงื่อนไขทางเลือกใหม่ แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท จากเดิม 16 ปีไม่มีเงื่อนไข

3 เงื่อนไขทางเลือกใหม่ แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท จากเดิม 16 ปีไม่มีเงื่อนไข

แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทล่าสุด เปิดแนวทาง 3 เงื่อนไขทางเลือกใหม่ จากเดิมจะให้สิทธิ์แก่ผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ไม่มีเงื่อนไข

แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ล่าสุด อนุกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต ได้เสนอแนวทาง 3 เงื่อนไขทางเลือกใหม่ จากเดิมจะให้สิทธิ์แก่ผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ไม่มีเงื่อนไข ส่วนการใช้จ่ายในรัศมี 4 กม.ยึดตามที่อยู่ทะเบียนบ้านก็ได้มีการปรับมาเป็นใช้ได้ภายในอำเภอ

นอกจากนี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังยอมรับว่า โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งจากเดิมจะได้เริ่มใช้วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 แต่ล่าสุดอาจจะล่าช้ายืดเวลาไปเริ่มใช้ในช่วงเมษายน - พฤษภาคม 2567 เนื่องจากมีกระบวนการที่ต้องตรวจสอบทั้งเรื่องระบบและความปลอดภัย

โดย 3 เงื่อนไขทางเลือกใหม่ กรณีแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท

1.ตัดคนที่มีเงินเดือนมากกว่า 25,000 บาท และหรือมีเงินฝาก 1 แสนบาทขึ้นไปออก ซึ่งจะเหลือคนที่จะได้รับสิทธิ์ 43 ล้านคน ใช้งบประมาณ 4.3 แสนล้านบาท 

2.ตัดคนที่มีเงินเดือนมากกว่า 50,000 บาท และหรือมีเงินฝากมากกว่า 5 แสนบาท ซึ่งจะเหลือคนที่จะได้รับสิทธิ์ 49 ล้านคน ใช้งบประมาณ 4.9 แสนล้านบาท

3.ให้สิทธิ์เฉพาะผู้ยากไร้ 15-16 ล้านคน โดยใช้ฐานข้อมูลจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใช้งบประมาณราวๆ 1.5 แสนล้านบาท

ส่วนแหล่งเงินนั้น ที่ประชุมเห็นว่า ควรใช้จากงบประมาณเป็นหลัก ตั้งงบประมาณผูกพัน 4 ปีผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณ ซึ่งตรงกับแนวคิดเดิม โดยจะทยอยใช้งบในแต่ละปีๆละประมาณ 1 แสนล้านบาท เริ่มจากปีงบประมาณ 2567 ส่วนแหล่งเงินอื่นนั้นจะเสนอเป็นทางเลือกท้ายๆทั้งการกู้เงิน การใช้เงินนอกงบประมาณจากมาตรา 28 หรือการใช้เงินจากหน่วยงานอื่น

ประเด็นร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ อาจจะต้องใช้วิธีทยอยขึ้นเงินภายใน 4 ปี เนื่องจากต้องใช้งบประมาณ ซึ่งรัฐบาลจะเสนอเงื่อนไขพิเศษให้สำหรับร้านค้าที่มาขึ้นเงินในปีท้ายๆ โดยผู้ที่มีคุณสมบัติในการนำเงินมาขึ้นได้จะต้องอยู่ในระบบภาษี 3 ตัว คือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ส่วนเงินในบัญชีดิจิทัลวอลเล็ตสามารถนำไปใช้ต่อได้

กรณีผู้จัดทำระบบแพลตฟอร์มเงินดิจิทัลวอลเล็ตนั้น สมาคมสถาบันการเงินของรัฐเห็นชอบให้ "ธนาคารกรุงไทย" เป็นผู้ดำเนินการเนื่องจากมีความพร้อม ยืนยันว่างบประมาณที่ใช้จัดทำระบบไม่ถึง หลักหมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน โดยจะเป็นการทำแอปพลิเคชั่นขึ้นมาใหม่ไม่ใช่ระบบเป๋าตัง

ทั้งนี้ จะเสนอผลการประชุมได้เร็วสุดภายในสัปดาห์หน้าต่อไป