ศาลฎีกายกฟ้อง 'เบนซ์ เรซซิ่ง' คดีสมคบค้ายา-ฟอกเงิน ย้อนรอยคดีดัง

ศาลฎีกายกฟ้อง 'เบนซ์ เรซซิ่ง' คดีสมคบค้ายา-ฟอกเงิน ย้อนรอยคดีดัง

ชี้ชะตาแล้ว ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษา 'เบนซ์ เรซซิ่ง' ยกฟ้อง คดีสมคบค้ายา-ฟอกเงิน ย้อนรอยคดีดังหลังจับ 'ไซซะนะ' ราชายาเสพติดรายใหญ่

ล่าสุด ศาลฎีกา ตรวจสำนวนปรึกษาหารือแล้ว เห็นว่าแม้คดีนี้อัยการโจทก์ จะมีรองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และเจ้าพนักงานตำรวจ เจ้าพนักงาน ปปง. เบิกความทำนองเดียวกันว่า นายอัครกิตติ์ อัครกิตติ์ หรือ 'เบนซ์ เรซซิ่ง' จำเลยที่ 1 มีส่วนร่วมรู้เห็นและเป็นผู้สนับสนุนการค้ายาเสพติดของกลาง

แต่อย่างไรก็ตาม จำเลยคนอื่นในคดีนี้ไม่ได้เบิกความอ้างถึงว่า นายอัครกิตติ์ จำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดตามที่อัยการโจทก์ฟ้องในความผิดฐานร่วมกันสนับสนุน หรือช่วยเหลือหรือสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ

พยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัยตามสมควร จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้นายอัครกิตติ์ จำเลยที่ 1 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันสนับสนุน หรือช่วยเหลือหรือสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย

ฎีกาจำเลยที่ 1 ฟังขึ้นพิพากษายกฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

ย้อนรอยคดี

ถือว่าเป็นคดีดังข้ามชาติเมื่อตำรวจกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ได้ทำการจับกุมตัว นายไซซะนะ แก้วพิมพา อายุ 42 ปี ชาวสปป.ลาว ซึ่งเป็นราชายาเสพติดรายใหญ่ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 19 ม.ค.60 ก่อนขยายผลจับกุมนายณัฐพล นาคคำ หรือ บอย ซึ่งให้การซัดทอดว่าได้นำทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดไปไว้ที่ นายอัครกิตติ์ หรือ 'เบนซ์ เรซซิ่ง' นักแข่งรถจักรยานยนต์ และขณะนั้นเบนซ์เป็นสามีของนักแสดงสาว 'แพท นปภา' ซึ่งในวันนี้ (24 ต.ค.66) ศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษา ชี้ชะตา เบนซ์ เรซซิ่ง กับพวก สมคบ ค้ายาเสพติด - ฟอกเงิน 

 

ศาลฎีกายกฟ้อง \'เบนซ์ เรซซิ่ง\' คดีสมคบค้ายา-ฟอกเงิน ย้อนรอยคดีดัง

 

 

กระทั่งวันที่ 2 ก.พ. 60 ตำรวจ บช.ปส. ได้เปิดยุทธการ 'ชัยยะ สยบไพรี 60/2' โดยมีการเข้าปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดนายไซซะนะ รวม 40 จุด ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด พร้อมกับเข้าตรวจค้นที่พักของ 'เบนซ์ เรซซิ่ง' แต่ไม่พบตัว และตรวจค้นร้านแอเรีย 51 ซึ่งเป็นร้านแต่งรถบิ๊กไบค์ของเบนซ์ที่อยู่บริเวณชั้นล่างของอาคาร พร้อมกับยึดรถหรูลัมโบร์กินี ทะเบียน กจ 51 กรุงเทพมหานคร มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท , รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์เคทีเอ็ม รุ่นซุปเปอร์ดุ๊ก , รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์บีเอ็มดับเบิลยู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และอาวุธปืน 2 กระบอก 

 

ต่อมาวันที่ 3 ก.พ.60 'เบนซ์ เรซซิ่ง' เดินทางมาพร้อมกับมารดา และทนายความ เพื่อเข้าให้ปากคำชี้แจงถึงที่มาของทรัพย์สิน โดยเบนซ์ยอมรับว่ารู้จักกับนายณัฐพล หรือ บอย เพราะชอบเรื่องการแต่งรถบิ๊กไบค์เหมือนกัน แต่อ้างไม่รู้ว่าเบื้องหลังนายณัฐพลทำธุรกิจอะไร ซึ่งนายณัฐพลได้ให้ยืมเงินมา 6 ล้านบาทเพื่อมาซื้อรถลัมโบร์กินี 

 

วันที่ 7 ก.พ.60 นายไผ่ ลิกค์ หรือ ไผ่ วันพอยท์ พร้อมเพื่อน ได้เข้าให้ปากคำกับตำรวจ บช.ปส. เพื่อชี้แจงเรื่องที่เบนซ์ เรซซิ่ง และนายณัฐพล หรือ บอย มาปรึกษาเรื่องซื้อรถลัมโบร์กินี โดย ไผ่ ลิกค์ ให้การว่าไม่รู้จักทั้งสองเป็นการส่วนตัว 

 

8 ก.พ.60 นายณัฐวัฒน์ หรือ เอก บูโน่ เจ้าของเต็นท์รถย่านพระราม 3 ได้เข้าให้ปากคำกับตำรวจกรณีการซื้อขายรถลัมโบร์กินีให้ เบนซ์ เรซซิ่ง โดยนายณัฐวัฒน์ยืนยันว่าเป็นการซื้อขายรถมือสองถูกต้องตามกฎหมาย ตำรวจ ป.ป.ส. จึงสั่งยึดทรัพย์สินชั่วคราวของ บอย นาคคำ และเบนซ์ เรซซิ่ง รวม 12 รายการ รวมถึงรถหรูลัมโบร์กินีสีเทาดำ , รถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ , จักรยานยนต์บีเอ็มดับเบิลยูกับเคทีเอ็ม 

 

ศาลฎีกายกฟ้อง \'เบนซ์ เรซซิ่ง\' คดีสมคบค้ายา-ฟอกเงิน ย้อนรอยคดีดัง

 

 

วันที่ 16 ก.พ.60 เบนซ์ เรซซิ่ง เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน บช.ปส. เป็นครั้งที่ 2 พร้อมนำหลักฐานการกู้เงิน และแหล่งที่มารายได้มามอบให้ตรวจสอบ 

 

3 มี.ค.60 ตำรวจ บช.ปส. ออกหมายเรียก เบนซ์ เรซซิ่ง เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันกระทำความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ ฟอกเงิน 

 

6 มี.ค.60 เบนซ์ เรซซิ่ง เข้าพบ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการ ปส. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ก่อนถูกควบคุมตัวฝากขังศาลอาญา โดยเบนซ์ได้ยื่นหลักทรัพย์ 500,000 บาท เพื่อขอประกันตัว 

 

ในวันที่ 7 มี.ค.60 ผลจากการตรวจสอบบัญชีเงินฝากธนาคารของเบนซ์ เรซซิ่ง พบว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเมื่อสอบถามแหล่งที่มาเจ้าตัวไม่สามารถชี้แจงที่มาที่ไปได้ 

 

กระทั่งในวันที่ 7 ก.ย.61 ศาลอาญา มีคำพิพากษาสั่งจำคุก 'เบนซ์ เรซซิ่ง' เป็นเวลา 8 ปี ฐานร่วมกันฟอกเงิน (คดีเครือข่ายไซซานะ นักค้ายาเสพติด) และให้ยกฟ้องข้อหาสนับสนุนหรือช่วยเหลือ หรือสมคบกันค้ายาเสพติด ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และ พ.ร.บ.มาตรการในการป้องกันและปรามยาเสพติด โดยเบนซ์ได้ยื่นขอสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ พร้อมวางหลักทรัพย์ขอประกันตัวระหว่างต่อสู้คดีวงเงิน 1 ล้านบาท ซึ่งศาลอนุมัติให้ประกันตัว แต่ต้องสวมกำไลอีเอ็ม (EM) ด้วย 

 

ต่อมาช่วงปลายปี 62 ศาลอนุญาตให้ เบนซ์ เรซซิ่ง ปลดกำไลอีเอ็ม (EM) ได้ แต่ต้องมารายงานตัวทุก 2 เดือน 

 

เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.63 ครบกำหนดนัดรายงานตัวต่อศาล แต่เบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้มารายงานตัว โดยอ้างว่าจำวันผิดว่าเป็นวันที่ 25 มิ.ย.63 

 

วันที่ 25 มิ.ย.63 เบนซ์ เรซซิ่ง กลับมาเป็นข่าวดังอีกครั้ง เมื่อตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ได้จับกุมกลุ่มรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ขับขี่รถในช่องทางด่วนถนนวิภาวดี รังสิต ซึ่งมีเบนซ์รวมอยู่ด้วย พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อหา กระทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ ผิด พ.ร.บ.จราจรฯ 

 

11 ก.พ.64 ศาลนัดฟังคำพิพากษา 'เบนซ์ เรซซิ่ง' พร้อมจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 โดยศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยทั้งสามมีความผิด พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และพ.ร.บ.การฟอกเงิน การกระทำของเบนซ์เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานสนับสนุนและช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดก่อนหรือขณะกระทำความผิด ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต และปรับเงิน 5 ล้านบาท ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันจำคุก 5 ปี ทางนำสืบของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสาม คงรวมจำคุก 36 ปี 8 เดือน และปรับ 3.33 ล้านบาท จำเลยขอฎีกา 

 

และในวันนี้ (24 ต.ค.66) เวลา 09.30 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา นายอัครกิตติ์ หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง , นายสรรเสริญ หรือ เน็ต และ น.ส.อังสุพร หรือ อุ้ม สองสามีภรรยา จำเลยที่ 1 - 3  ในความผิดฐานร่วมกันสนับสนุน หรือช่วยเหลือ หรือสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และร่วมกันฟอกเงิน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก 

 

ศาลฎีกายกฟ้อง \'เบนซ์ เรซซิ่ง\' คดีสมคบค้ายา-ฟอกเงิน ย้อนรอยคดีดัง