แก๊งสองแถว ใหญ่คับเมืองพัทยา ยกพวกตีกันกลางถนน

แก๊งสองแถว ใหญ่คับเมืองพัทยา ยกพวกตีกันกลางถนน

ระวัง! แก๊งสองแถว ใหญ่คับเมืองพัทยา จอดรถขวาง - ยกพวกตีกันกลางถนน แย่งที่จอดรถรับลูกค้า

กลางดึกทีผ่านมา (15 ต.ค.) พ.ต.ต.พิชิต ฉ่ำฮวบ สวป.สภ.เมืองพัทยา ได้รับแจ้งเหตุ กลุ่มสหกรณ์สองแถวพัทยา แก๊งสองแถว ทะเลาะวิวาทกันกลางถนน เหตุเกิดบริเวณสี่แยก พัทยาใต้ สายสอง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ พ.ต.อ.ฐนพงศ์ โพธิ์ทิ ผกก.สภ.เมืองพัทยา ได้รับทราบ จากนั้นจึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ รีบเดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบนักท่องเที่ยว กำลังยืนมุงดูเหตุการณ์กันเป็นจำนวนมาก และวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำของกลุ่มคนเหล่านี้ โดยพบกลุ่มคนขับรถสหกรณ์สองแถวเมืองพัทยา ตะโกนด่าทอกันกันไปมาส่งเสียงดัง

แก๊งสองแถว ใหญ่คับเมืองพัทยา ยกพวกตีกันกลางถนน

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุคนขับรถที่เป็นผู้หญิง และภรรยาของคนขับอีกฝ่าย ได้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน และลงมือตบตีกัน อย่างชุลมุน ก่อนอีกฝ่ายหนึ่งจะเสียหลักล้มลง จนถูกคู่กรณีใช้เท้าเตะเสยเข้าที่ใบหน้า จนกลิ่งไปกับพื้น ทำให้กลุ่มคนขับรถสองแถว ต้องเข้าไปห้ามปราม

กระทั่งมีการตามสมัครพรรคพวกกันมา และยืนด่าทอเสียงดังด้วยถ้อยคำหยาบคาย รวมทื้งจอดรถขวางถนน กีดขวางการจราจร โดยไม่สนใจประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนแม้แต่น้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญตัวคู่กรณีทั้งหมดไปยัง สภ. เมืองพัทยา แต่เมื่อมาถึงทั้งสองฝ่าย ก็ยังไม่ยอมหยุด ทะเลาะกัน และยังคงเถียงกันลั่นโรงพัก

แก๊งสองแถว ใหญ่คับเมืองพัทยา ยกพวกตีกันกลางถนน

สอบถาม น.ส.ฟ้า (นามสมมุติ) คนขับสหกรณ์สองแถวที่ถูกแตะเข้าที่ใบหน้า เป็นผู้หญิงอายุประมาณ 35-40 ปี ทราบว่า ฝ่ายคู่กรณีเข้ามารุมทำร้ายน้อง ซึ่งเป็นคนขับสองแถวด้วยกัน ตนเองจึงมาช่วยแต่ก็ถูกทำร้ายไปด้วย โดยสาเหตุเกิดจากปัญหาเรื่องจอดรับผู้โดยสาร ก่อนจะมาเกิดเหตุชุลมุนดังกล่าว

แก๊งสองแถว ใหญ่คับเมืองพัทยา ยกพวกตีกันกลางถนน

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวทั้งสองฝ่ายมาเปรียบเทียบปรับที่ สภ.เมืองพัทยา และให้ปรับความเข้าใจกัน ซึ่งการกระทำเช่นนี้ถือเป็นการทำลายภาพลักษ์เมืองท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก รวมไปถึงปัญหาการจอดรถกรีดขวางการจราจร แบบไม่สนใจใคร ซึ่งที่ผ่านมามักเกิดปัญหากลุ่มรถสองแถวทะเลาะและยกพวกตีกัน รวมถึงวิน รถจยย. ก็เคยก่อเหตุยกพวกตะลุมบอลแบบนี้เช่นกัน แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้แม้แต่น้อย