'บิ๊กโจ๊ก' แจงคดีกำนันนกโอนให้กองปราบ - บก.ป.ถกเครียดฟันแก๊งตร.งานเลี้ยง

'บิ๊กโจ๊ก' แจงคดีกำนันนกโอนให้กองปราบ - บก.ป.ถกเครียดฟันแก๊งตร.งานเลี้ยง

บิ๊กโจ๊ก แจงยิบคดีกำนันนก โอนคดีให้กองปราบ ย้ำ ผบ.ตร. โทรสั่งเอาผิดตำรวจละเว้นปฏิบัติหน้าที่-ให้การเท็จ จับตากองปราบแจ้งข้อหาใครบ้าง พร้อมเดินหน้าสางคดีฮั้วประมูล ด้าน บก.ป.ถกเครียดฟันแก๊งตร.งานเลี้ยง

ความคืบหน้าคณะทำงานชุดคลี่คลายคดีที่มี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าร่วมประชุมทีมสืบสวนสอบสวนทั้งหมด เพื่อสรุปรายชื่อ ตำรวจและพลเรือนที่ให้การไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคลิปวงจรปิดภายในบ้านกำนันนก แต่ปรากฎว่าสุดท้ายได้มีการโอนคดีให้กับทางกองปราบปราบเป็นผู้ดำเนินการรับผิดชอบคดีทั้งหมด

ล่าสุดทางด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ได้เปิดเผยว่า ในเรื่องของการโอนคดีที่หลายคนสงสัยนั้น เรื่องนี้ทางพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการโอนคดีตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุแล้ว เพราะเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น จึงโอนให้กองปราบฯทำคดี เพราะตำรวจท้องที่อาจจะรู้จัก ใกล้ชิดกับผู้ต้องหา การทำสำนวนอาจไม่มีความเป็นธรรม

“ผมคุมงานทีมสืบสวน มีการนำชุดสืบสวนเข้าช่วยกองปราบฯทำงาน คดีนี้จุดสำคัญต้องมีการขยายผล เพราะที่เกิดเหตุมันเละ ตำรวจไม่ทำหน้าที่ เมื่อมีการโอนสำนวนให้กับกองปราบฯ จึงต้องมีการโอนคดีทุจริตของตำรวจเข้าไปด้วย จึงเป็นหน้าที่ของกองปราบฯในการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหากับตำรวจที่เกี่ยวข้อง เพราะในรายงานการสืบสวน ระบุชัดว่าใครทำอะไรบ้าง”

 เมื่อถามว่าวันแรกมีการโอนคดีเกี่ยวกับคดีหลักให้กับกองปราบฯทำ แต่คดีที่เกี่ยวเนื่องยังไม่มีคำสั่งเพิ่งมาโอนภายหลัง เรื่องนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า คดีนี้เมื่อโอนคดีหลักไปแล้ว คดีเกี่ยวพันกับการทุจริต ต้องไปพร้อมกันอยู่แล้ว ไม่ต้องมีคำสั่ง

“ตั้งแต่วันแรกของการทำงาน มีทีมสืบสวนของกองปราบฯทำงานร่วมกันอยู่แล้วทุกวัน เป็นการทำงานที่รวดเร็ว เพราะทีมกองปราบชุดนี้ทำงานร่วมกันตั้งแต่คดี”แอม ไซยาไนด์“ ไม่มีอะไรที่ผิดปกติ เมื่อวานี้ได้มีการทำรายงานระบุไปชัดเจนว่าใครทำอะไรบ้าง หลังจากจากนี้จะต้องมีการพิจารณาตามข้อเท็จจริงว่ามีตำรวจคนไหนเกี่ยวข้องบ้าง”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุอีกว่า ในส่วนที่ยังรับผิดชอบอยู่จะเกี่ยวข้องกับการฮั้วประมูล การเลี่ยงภาษี ซึ่งในวันพรุ่งนี้( 19 ก.ย.) จะมีการนัดประชุม 6 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สตง.-ป.ป.ช.-ป.ป.ง.-กรมบัญชีกลาง และสรรพากร ในส่วนของกำนันนก พยานหลักฐานมันจบแล้ว มันเป็นแค่ปลายเหตุ การดำเนินคดีในลักษณะนี้จะต้องไล่ที่ต้นเหตุ ซึ่งเรื่องนี้เราจะต้องทำต่อกับทางภาค 7

“คดีฮั้วประมูล ยังไม่เริ่มต้น จึงต้องมีการบูรณาการหลายส่วน จะปล่อยลูกน้องทำไม่ได้ จำเป็นจะต้องให้ผู้ใหญ่กำกับ เพราะเป็นการบูรณาการหน่วยนอก ต้องนำหลายหน่วยมาร่วมทำงาน พูดคุยกันหลายฝ่าย”

นอกจากพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังได้กล่าวย้ำอีกว่า เรื่องการโอนคดีไม่มีอะไรเลย เมื่อวานนี้ทางด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ได้โทรศัพท์ติดต่อมา ว่าการแจ้งเอาผิดตำรวจที่เกี่ยวข้อง จะต้องมีการแจ้งที่กองปราบฯ เป็นไปในรูปของคณะกรรมการ ต้องมีการหารือกัน และเมื่อมีการแจ้งข้อหาตำรวจแล้วจะต้องนำหลักฐานทั้งหมดชุดสืบสวนมาทำการขยายผลต่อ

“วันนี้เราไม่ทราบว่าใครคิดอย่างไร หลักการทำงาน ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ต้องดำเนินคดี ถ้าเราไปช่วยใคร สุดท้ายจะย้อนมาสู่ตัวเอง อำนาจรัฐที่จะปกป้องคุ้มครองประชาชน จะเห็นได้ว่าตำรวจถูกยิงประชาชนจะอยู่อย่างไร เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ตั้งให้เกิด เมื่อวิทยาศาสตร์ กล้องวงจรปิด ปรากฏ เราเห็นจึงพบว่าคำให้การตำรวจขัดแย้งทั้งหมด โกหกทั้งหมด เมื่อคำให้การขัดแย้ง ต้องพิจารณาว่าใครละเว้น ใครบอกว่าช่วยแล้วไม่ช่วย มันพิจารณาง่าย”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ในการทำงานของผม ไม่มีเคลือบแคลง ไม่มีวาระซ่อนเร้น ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ทำหน้าที่เป็นตำรวจ ที่ไม่มีการแจ้งข้อหาตำรวจเมื่อวานนี้ เพราะท่านผบ.ตร.โทรศัพท์แจ้งมาให้แจ้งที่กองปราบ ฯ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องติดตามว่ากองปราบจะแจ้งข้อหาใครบ้าง เข้าใจได้ว่า เมื่อเราทำคดีอาจมีคนถูกใจไม่ถูกใจ ไม่เป็นไรยึดถือประโยชน์ส่วนรวม

“เมื่อวานนี้เรารายงานการสืบสวนทั้งหมดแล้ว หลังจากนี้เป็นการพิจารณาของกองปราบฯ ด้วยความเป็นธรร ถ้าไม่พิจารณาด้วยความเป็นธรรม อาจจะโดนในส่วนของละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้”

ถกเครียดพิจารณาความผิดตร.ร่วมงานเลี้ยง “กำนันนก”

ความคืบหน้าคณะทำงานชุดคลี่คลายคดีที่มี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าร่วมประชุมทีมสืบสวนสอบสวนทั้งหมด เพื่อสรุปรายชื่อ ตำรวจและพลเรือนที่ให้การไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคลิปวงจรปิดภายในบ้านกำนันนก  ล่าสุดได้มีการโอนคดีให้กับทางกองปราบปรามเป็นผู้ดำเนินการรับผิดชอบคดีทั้งหมด

ล่าสุดที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.กก.2 บก.ทล. ถูกยิงเสียชีวิต ร่วมประชุมหารือในเบื้องต้น ก่อนที่จะมีการประชุมใหญ่ร่วมกับ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในช่วงเวลา 14.00 ของวันนี้

พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาตำรวจที่อยู่ในงานเลี่ยงบ้านกำนันนก ว่า มีเจ้าที่ตำรวจนายไหนเข้าข่ายกระทำความผิด ฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ 157 หรือการให้การเท็จหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบเท็จจริง ประกอบกับพยานหลักฐาน ทั้งภาพกล้องวงจรปิดและประจักษ์พยาน 

“เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ และต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน โดยคาดว่าวันนี้จะมีความชัดเจนเรื่องของตำรวจที่จะถูกดำเนินคดี รวมถึงการเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาด้วย”

 ขณะที่ พล.ต.อ. วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวสั้นๆว่า ขณะนี้ หัวหน้าคณะทำงานอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลของตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการทำงานของพนักงานสอบสวน ในกรอบเวลา 15 วัน และเมื่อครบกำหนดเวลา จะให้หัวหน้างานที่สอบสวนทางวินัยรายงานมายังตนด้วย

“ส่วนจะมีความผิดทางวินัย ร้ายแรงจนถึงขั้นออกจากราชการหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน แต่ความผิดทางวินัยที่ตรวจสอบไปนั้นคนละเรื่องกับความผิดทางอาญาที่สอบสวนกลางตรวจสอบ แต่การตรวจสอบก็จะควบคู่ประสานกันไป”