'ทนายเกิดผล' ตอบปมดราม่า ปังชา ชี้ใช้สิทธิ์ไม่สุจริต ถ้าเป็นตนฟ้องกลับแน่

'ทนายเกิดผล' ตอบปมดราม่า ปังชา ชี้ใช้สิทธิ์ไม่สุจริต ถ้าเป็นตนฟ้องกลับแน่

'ทนายเกิดผล' ทนายดัง ออกมาเคลื่อนไหวปมดราม่า 'ปังชา' ชี้เป็นการใช้สิทธิ์ไม่สุจริต ลั่นถ้าเป็นร้านตนฟ้องกลับแน่

วันที่ 31 สิงหาคม 2566 ทนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กกรณีดราม่า 'ปังชา' หลังมีร้านโดนฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญา โดยระบุข้อความว่า 

 

 

'ทรัพย์ทางปัญญา ที่ควรได้รับความคุ้มครอง ควรเป็นของผู้ที่คิดค้น ออกแบบ ใช้ความวิริยะ อุตสาหะ และพัฒนา ด้วยความรู้ความสามารถของผู้เป็นเจ้าของ ตั้งแต่แรกเริ่ม

ไม่ใช่มาใช้ชื่อทีหลัง ทั้งๆที่คำว่า #ปังชา ร้านอื่นใช้มานานนม แล้วตัวเองเห็นว่าเหมาะ ก็นำไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบให้แตกต่างจากของคนอื่นเพียงเล็กน้อย แบบนี้ ไม่ใช่การใช้ความวิริยะ อุสาหะ หรือ การพัฒนา การรัังสรรค์ใดๆ ทั้งสิ้น

เมื่อตัวเองไม่ใช่ผู้สร้างสรรค์ แม้นำไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ประกอบกับคำว่า ปังชา เป็นคำสามัญ บุคคลทั่วไปย่อมมีสิทธิ์ใช้คำนี้ได้

การร่อนโนติสให้เขาจ่ายเงินถึง 102 ล้านบาท มากกว่ากำไรจากผลประกอบการทางธุรกิจ ในช่วงเวลาไม่นาน หลังจดทะเบียน ผมถือว่าเป็นการใช้สิทธิ์ไม่สุจริต หากขึ้นศาลก็เป็นพวกมาศาลแต่มือสกปรก ใช้กฎหมายและศาลเป็นเครื่องมือ

ถ้าผมเป็นร้านปังชา ร้านอื่นที่ได้รับโนติส ผมฟ้องกลับแน่นอน หรือผมจะเปิดร้าน ปังชา เพื่อลองของสักคดี'

 

 

ทั้งนี้ ทนายเกิดผล ยังระบุอีกว่า 'ถ้าผมจดเครื่องหมายการค้า คำว่า ตำไทย หรือ ตำแตง แล้วไล่ฟ้องร้านส้มตำบ้าง คนรวยแต่เขือ แน่นอน'

 

 

 

กรณีดราม่าทรัพย์สินทางปัญญาร้าน 'ปังชา' เป็นประเด็นขึ้นมาเมื่อเฟซบุ๊ก Lukkaithong – ลูกไก่ทอง Thai Royal Restaurant ได้โพสต์เกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ชื่อเมนู 'ปังชาเย็น' ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมอ้างอิงพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 พร้อมเน้นย้ำสงวนสิทธิ์ห้ามลอกเลียนแบบ ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข โดยมีการจดทะเบียนลิขสิทธิ์และจดทะเบียนสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงสงวนสิทธิ์ห้ามลอกเลียนแบบ ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข และสงวนสิทธิ์ห้ามนำชื่อแบรนด์ปังชา Pang Cha ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษไปใช้เป็นชื่อร้านหรือใช้เป็นชื่อสินค้าเพื่อจำหน่าย 

 

กระทั่งต่อมาปรากฏว่า ร้านขนมปังปิ้งชื่อ 'ปังชา' ซึ่งตั้งอยู่ที่ จ.เชียงราย ได้ออกมาเปิดเผยว่าถูกทนายส่งโนติสเรียกค่าเสียหาย 102 ล้านบาท ซึ่งทางเจ้าของร้านได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ร้านของตนนั้นเปิดมาตั้งแต่ปี 2564 และไม่ได้มีเจตนาที่จะลอกเลียนแบบใคร และที่ร้านก็ไม่ได้มีเมนูน้ำแข็งไสด้วย นอกจากนี้ยังมีอีกร้านที่ตั้งอยู่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งถูกทนายความส่งโนติสเรียกเงินจากร้าน 700,000 บาทด้วย จึงทำให้เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นดราม่าอย่างหนัก