ชาวประมงพื้นบ้าน พบเศียรพระอายุนับ 100 ปี ในทะเลอ่าวประจวบ

ชาวประมงพื้นบ้านประจวบ พบเศียรพระเก่าแก่ ติดอวนกลางอ่าวประจวบ พบเป็นเศียรพระที่หล่อสร้างขึ้นด้วยปูนขัดมัน

วันนี้ (27 ส.ค. 66) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บริเวณต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ หน้าศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อตรวจสอบหลังได้รับแจ้งมีชาวประมงพื้นบ้านนำเศียรพระเก่าแก่มาวางไว้บริเวณโคนต้น และทำพิธีขอขมา โดยเมื่อไปถึงพบว่าชาวประมงคนดังกล่าวไม่สะดวกที่จะออกสื่อ และเดินทางกลับไปแล้ว โดยผู้สื่อข่าวได้พบกับแม่ค้าที่จำหน่ายอาหารลิงแสมที่นั่งอยู่บริเวณนั้นแทน
 

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบเป็นเศียรพระที่หล่อสร้างขึ้นด้วยปูนขัดมัน เฉพาะส่วนที่เป็นศีรษะ ส่วนบริเวณลำตัวองค์พระไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด โดยสภาพของเศียรพระที่พบด้านบนบริเวณศีรษะมีรอยบิ่นแตก ส่วนบริเวณใบหน้าและศีรษะโดยรอบบริเวณจุดอื่นๆยังมีสภาพสมบูรณ์ มีหอยเพรียงขนาดเล็กเกาะอยู่บริเวณโดยรอบ ซึ่งคาดว่ามีอายุมากกว่า 60-100 ปี ซึ่งถูกชาวประมงพื้นบ้านที่พบนำมาวาง ไว้ที่บริเวณโคนต้นโพธิ์ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.9 หน้าศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีลิงแสมเขาช่องกระจกมุงดูด้วยความสงสัย และมีชาวบ้านส่วนหนึ่งมาถ่ายภาพกราบไหว้ขอโชคลาภ และจดป้ายทะเบียนรถซาเล้งของชาวประมงนำไปเสี่ยงโชค

ยายจ๋า แม่ค้าขายอาหารลิง บริเวณเขาช่องกระจก เล่าผู้สื่อข่าวฟังว่า คนที่นำเศียรพระมาวางไว้ที่บริเวณโคนต้นโพธิ์ เป็นหนุ่มชาวประมง อาศัยอยู่ที่คลองวาฬ ซึ่งได้มาปรึกษากับตนว่า เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ได้มาลากอวนหาปลาที่บริเวณกลางอ่าวประจวบ ช่วงโค้งเขาช่องกระจก และอวนได้ลากติดเศียรของพระพุทธรูป ซึ่งมีน้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม ติดขึ้นมา และได้นำมาวางไว้บริเวณขอบเขื่อนกันคลื่นในทะเล โดยที่ไม่กล้าเอาขึ้นมาบนบกจากนั้นจึงกลับบ้านไป แต่กลับทำให้ชาวประมงคนดังกล่าวนอนไม่หลับฝันผวาทุกคืน จึงได้มาปรึกษากับตน ตนจึงได้แนะนำไปว่าให้เอาเศียรของพระท่านที่พบขึ้นมาจากน้ำไว้บนบกบริเวณโคนต้นโพธิ์และขอขมา ขอพร ขอโชคลาภ จะเป็นสิริมงคลกว่าเอาท่านไว้ในทะเล และหลังจากชาวประมงคนดังกล่าวได้เอาเศียรพระมาไว้บริเวณโคนต้นโพธิ์แล้ว จึงรีบกลับบ้านไปด้วยความกลัวจะถูกกล่าวหาว่าไปขโมยเศียรพระมา

นายนพดล คูหาทอง อายุ 57 ปี พ่อค้าขายขนมหวานแยกโรงพัก สภ.เมืองประจวบ เปิดเผยว่า ตนเองอาศัยอยู่ที่เมืองประจวบแห่งนี้ตั้งแต่เกิดและในสมัยเด็กๆ เมื่อประมาณ 50 ปีก่อน บริเวณอ่าวประจวบ และบริเวณโค้งเขาช่องกระจก ยังไม่มีเขื่อนกันคลื่น เป็นเพียงหาดทรายและบริเวณที่พื้นด้านล่างของเขาช่องกระจกฝั่งทะเล จะมีถ้ำซึ่งมีรูปปั้นของพระ และพระนอนอยู่ภายในถ้ำสามารถเข้าไปกราบสักการะได้ ซึ่งในสมัยนั้นยังมีพระจำพรรษาอยู่ภายในถ้ำ และต่อมาถูกน้ำทะเลซัดทรายเข้ามาทับถมภายในถ้ำจนตื้นเขินเกือบปิดสนิทปัจจุบันไม่สามารถเข้าไปในถ้ำได้ ส่วนสาเหตุเศียรพระไปอยู่ในทะเลได้อย่างไรตนก็ไม่ทราบ และสันนิษฐานว่าเศียรพระที่พบอาจเป็นเศียรพระที่เคยอยู่บริเวณเขาช่องกระจกแห่งนี้ก็เป็นได้