แม่ไลฟ์สด ร่ำไห้ลูกถูกเพื่อนทำร้าย โรงเรียนไม่แก้แต่ขู่อ้างรู้จัก ผกก.-ผบก.

แม่ไลฟ์สด ร่ำไห้ลูกถูกเพื่อนทำร้าย โรงเรียนไม่แก้แต่ขู่อ้างรู้จัก ผกก.-ผบก.

เจอรับน้องใหม่หลังย้ายโรงเรียน แม่ไลฟ์สดร่ำไห้ลูกถูกเพื่อนทำร้าย หน้าช้ำหูเป็นหนอง โรงเรียนบอกไม่มีอะไร นักเรียนทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ ขู่มีทนายความ ผู้กำกับการและผู้การ เป็นที่ปรึกษา

ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียน จากผู้ปกครองโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง จ.อุดรธานี ว่าลูกชายวัย 11 ขวบ เพิ่งย้ายไปศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แห่งหนึ่ง เดือน มิ.ย. 2566 แต่ถูกเพื่อนทำร้ายร่างกายจนแก้มช้ำ ใบหูเขียวคล้ำ ที่ผ่านมาลูกไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ เพราะเพื่อนขู่ไว้หากบอกใครจะเอาหนักกว่านี้

ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 66 ลูกชายถูกเพื่อนในห้องทำร้ายร่างกายทำให้แก้มบวม หูซ้ายเขียวคล้ำ จึงรีบไปพบแพทย์ โดยแพทย์ระบุว่า หูเป็นหนองต้องรักษาตัวระยะหนึ่ง เมื่อเค้นถามลูกชายจึงรู้ว่าถูกเพื่อนทำร้ายในห้องเรียนตั้งแต่เข้าเรียนอาทิตย์แรก จากเด็กร่าเริงกลับเป็นคนละคน ซึมเศร้า ชอบอยู่คนเดียว ทำให้แม่เครียดไปด้วย ไม่คิดว่าส่งลูกไปโรงเรียนกลับเจอเหตุการณ์แบบนี้

หลังจากทราบเรื่องได้สอบถามกับทางโรงเรียน ว่ามีมาตรการป้องกันไม่ให้เด็กทำร้ายกันอีกในห้องเรียนไหม แต่ทางโรงเรียนบอกว่า ไม่มีอะไรน่าตกใจเรื่องเด็กตีกัน ไม่น่ากลัวเพราะมีประจำอยู่แล้ว แถมยังโดนทางโรงเรียนขู่หากไปแจ้งความทำให้โรงเรียนเสียหาย พร้อมสู้คดีเพราะปรึกษาทนายความ ผู้กำกับ และผู้การไว้แล้ว

คุณแม่ไลฟ์สด เผยถึงเรื่องราวลูกชายที่ถูกทำเพื่อนในห้องทำร้ายว่า สามีทำงานเป็นรองผอ.กรมทางหลวง สังกัดกระทรวงคมนาคม ย้ายมาที่ จ.อุดรธานี เมื่อปีที่แล้ว จึงได้ย้ายลูกชายจาก จ.กาฬสินธุ์ มาเรียนที่จ.อุดรธานี เราเห็นว่าโรงเรียนนี้มีห้อง mep ที่สอนพิเศษภาษาอังกฤษ และเป็นโรงเรียนประถมประจำอำเภอ จึงอยากให้ลูกชายไปเรียนแม้ค่าเทอมแพง

เรียนเทอมแรก สังเกตเห็นลูกชายไม่ค่อยพูดค่อยจากับพ่อแม่ แต่ไม่ได้เอะใจ แต่มาวันที่ 7 ส.ค. 66 ที่ผ่านมา ลูกชายกลับมาจากโรงเรียนใบหน้าบวม หูมีรอยเขียวช้ำ จึงได้สอบถามลูก ลูกจึงยอมบอกว่าเพื่อนทำร้ายในห้องเรียนและทำร้ายมาตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เข้าเรียน คนเป็นแม่ก็เครียด เพราะลูกชายซึมเศร้าอยู่คนเดียว ไม่สุงสิงและยอมพูดกับใคร แม่เองก็เครียดไปด้วยร้องไห้ทุกวัน จนอยากจะคิดฆ่าตัวตายและต้องไปพบจิตแพทย์ คิดมากเรื่องลูกที่ถูกทำร้าย อยากจะผ่านเรื่องราวนี้ไปให้ได้ แต่ก็ยังดีมีสามีคอยปลอบใจตลอดเวลา

“เมื่อถามทางโรงเรียน จะมีมาตรการป้องกันไม่ให้เด็กทำร้ายร่างกายมั้ย มี รอง ผอ. ท่านหนึ่งบอกว่า เรื่องเด็กทำร้ายร่างกายมีประจำ ถือว่าเป็นการรับน้องใหม่ที่มีเด็กใหม่เข้ามาเรียนในโรงเรียนอย่าไปคิดมาก บางวันยังมีนักเรียนพกมีด สนับมือมาโรงเรียนเลย ได้ยินก็ตกใจและก็บอกไปว่า แล้วถ้าลูกเราเจ็บหนักกว่านี้ ตาบอดหรือเสียชีวิตแล้วจะเป็นอย่างไร

เขาก็บอกว่าก็ต้องยอมรับสภาพ และบอกว่าอย่าไปพูดอะไรให้โรงเรียนเสียหายหรือแจ้งความ ทางโรงเรียนพร้อมจะสู้คดีเพราะปรึกษาทนาย ผกก. และผู้การ ไว้แล้ว เหมือนขู่ไว้ด้วย คิดดูหัวอกคนเป็นพ่อและแม่จะคิดอย่างไร เพราะเราคิดว่าโรงเรียนคือที่ปลอดภัยที่สุด แต่ลูกถูกทำร้ายเพราะเป็นการรับน้องใหม่ ที่ออกมาพูดเราไม่ต้องการเรียกร้องอะไรหรือเรียกค่าเสียหาย แต่อยากให้โรงเรียนมีมาตรการป้องกันมากกว่านี้