กาง 'นโยบายพรรคเพื่อไทย' หลัง 'เศรษฐา ทวีสิน' ได้รับโหวตเป็นนายกฯ คนใหม่

กาง 'นโยบายพรรคเพื่อไทย' หลัง 'เศรษฐา ทวีสิน' ได้รับโหวตเป็นนายกฯ คนใหม่

กาง "นโยบายพรรคเพื่อไทย" ที่พรรคเคยหาเสียงไว้กับประชาชน และถูกจับตามอง จะมีนโยบายที่น่าสนใจอะไรบ้าง หลังประเทศไทยได้ "เศรษฐา ทวีสิน" เป็นนายกรัฐมนตรี​​​​​​​ คนใหม่

ภายหลังที่ประชุมรัฐสภา มีการโหวตนายกฯ รอบ 3 มีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นชอบให้ นายเศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย "กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" ชวนย้อนดู นโยบายพรรคเพื่อไทย ที่พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงไว้กับประชาชน และถูกจับตามอง ว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ มีอะไรบ้าง ?

  • นโยบาย "Digital wallet 10,000 บาท" หรือ กระเป๋าเงินดิจิทัล 

กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน วงเงินที่ต้องใช้ 560,000 ล้านบาท เพื่อเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชน บรรเทาปัญหาปากท้องให้พี่น้องประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ให้ระบบเศรษฐกิจกลับมาหมุนเวียนอีกครั้ง

ใครบ้างที่จะได้รับเงิน Digital wallet 10,000 บาท

1.คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นได้ จะได้เงินดิจิทัล 10,000 บาทโดยตรงผ่าน ‘กระเป๋าเงินดิจิทัล’ (Digital Wallet) เพื่อจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่จำเป็นในการดำรงชีวิต

2. Digital Wallet 10,000 บาท ที่ได้รับมาสามารถใช้จ่ายในรัศมี 4 กิโลเมตร แต่ปรับเปลี่ยนได้ตามลักษณะภูมิประเทศเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนทุกคน

3. สามารถใช้จ่ายได้ภายใน 6 เดือน ด้วยบัตรประชาชน ผ่านแอปพลิเคชัน ไม่สามารถเบิกถอนเป็นเงินสดได้ แต่หากไม่สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันจะสามารถใช้จ่ายผ่านเลขบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมโค้ดส่วนตัว

กาง \'นโยบายพรรคเพื่อไทย\' หลัง \'เศรษฐา ทวีสิน\' ได้รับโหวตเป็นนายกฯ คนใหม่

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

4. Digital Wallet 10,000 บาทนี้จะถูกส่งตรงถึง ‘กระเป๋าเงินดิจิทัล’ ของประชาชน ภายใต้ระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างประโยชน์กับพี่น้องประชาชนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย จึงไม่มีช่องว่างให้ใครฉวยโอกาสหาประโยชน์ระหว่างทาง ปิดโอกาสไม่ให้เกิดการหักหัวคิวในทุกขั้นตอน

กาง \'นโยบายพรรคเพื่อไทย\' หลัง \'เศรษฐา ทวีสิน\' ได้รับโหวตเป็นนายกฯ คนใหม่

 

  • นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

นโยบายลดค่าครองชีพประชาชน ในภาคขนส่งสาธารณะ "รถไฟฟ้า" โดยก่อนหน้านี้ "เศรษฐา ทวีสิน" เคยออกมาโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุถึงแนวคิดที่จะลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า ให้เหลือ 20 บาทตลอดสายว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะเร่งเจรจากับทุกภาคส่วนเพื่อลดค่าโดยสาร เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้  

ปัจจุบันค่าบริการรถไฟฟ้าในกทม. ต่อเที่ยวคิดเป็น 11% ของค่าแรง หากคำนวณราคาไป-กลับ อยู่ที่ 22% ถือว่าแพงมากเทียบกับอัตราส่วน 1.5% ของค่าแรงที่เกาหลีใต้ , 2.9% ที่ญี่ปุ่น หรือ 3.5% ที่สิงคโปร์ โดยประเทศเหล่านั้นการขึ้นรถไฟฟ้าเป็นเรื่องปกติ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน นอกจากนั้นอัตราค่าโดยสารที่แพงกว่าคนอื่นนี้ถูกซ้ำเติมโดยสภาวะเงินเฟ้อและวิกฤตโควิดในระยะ 3 ปีที่ผ่านมาอีก

กาง \'นโยบายพรรคเพื่อไทย\' หลัง \'เศรษฐา ทวีสิน\' ได้รับโหวตเป็นนายกฯ คนใหม่

 

  • นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาทขึ้นไป

เมื่อทาง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ประกาศนโยบายว่า หากได้เป็นรัฐบาลจะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และผู้จบวุฒิปริญญาตรีเงินเดือนจะอยู่ที่ 25,000 บาทขึ้นไป ภายในปี 2570

“ในปี 2570 คนไทยต้องได้ค่าแรงขั้นต่ำให้สมกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนไทย คือ ไม่ต่ำกว่า 600 บาทต่อวัน เงินเดือนของผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรี อยู่ที่ 25,000 บาทขึ้นไป พรรคเพื่อไทยจะสร้างแนวทางหารายได้ใหม่ให้กับประชาชนด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่คู่ขนานไปกับรายได้ดั้งเดิม จึงแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชนที่มีอยู่ก่อนหน้านี้  เพราะพรรคเพื่อไทยไม่ใช่แค่พักหนี้ แต่ล้างหนี้จนหมดสิ้น”  น.ส.แพทองธาร กล่าว

กาง \'นโยบายพรรคเพื่อไทย\' หลัง \'เศรษฐา ทวีสิน\' ได้รับโหวตเป็นนายกฯ คนใหม่

 

  • นโยบาย One Family One Soft Power  

นโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟท์พาวเวอร์ จะยกระดับทักษะคนไทยให้เป็นแรงงานทักษะสูง 20 ล้านคน สร้างรายได้อย่างน้อย 200,000 บาทต่อปี สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง

การผลักดัน Soft Power ไทยจะเป็นจริงได้ ต้องทำทั้งระบบด้วยการ “สร้างแรงงานทักษะสูง 20 ล้านคน” ด้วยนโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power (OFOS) และต้อง “สร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง” ด้วยเจ้าภาพหลัก คือ Thailand Creative Content Agency (THACCA) ที่จะดูแล Soft Power อย่างเป็นระบบ ครบวงจร

เร่งผลักดัน 8 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์เป้าหมาย ประกอบด้วย ภาพยนตร์ ศิลปะ หนังสือ อาหาร ดนตรีเฟสติวัล ท่องเที่ยว กีฬา และออกแบบ แฟชั่น

 

  • นโยบายด้านสาธารณสุข

ในปี 2570 หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค ถูกอัพเกรด หรือยกระดับขึ้น  สามารถรักษาได้ทั่วประเทศ  ประชาชนสามารถใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว รับการรักษาได้ทั่วประเทศโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะข้อมูลสุขภาพถูกเชื่อมไว้บนศูนย์ข้อมูล หรือ Cloud  เมื่อเจ็บป่วย ผู้ป่วยเพียงยื่นบัตรประชาชนแล้วอนุญาตให้แพทย์ผู้รักษาเข้าถึงข้อมูลการรักษาได้  

ในปี 2570 ผู้ป่วยโรคทางจิต เช่น โรคซึมเศร้า หรือโรคทางกายอื่นๆ ที่ต้องการขอคำปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางได้รับการรักษาที่ศูนย์สาธารณสุขหรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน ไม่จำเป็นต้องเดินทางไกล เพราะแพทย์เฉพาะทางให้คำปรึกษาผ่านระบบทางไกลหรือ Telemedicine ได้ การนัดคิวตรวจเป็นเรื่องปกติของโรงพยาบาลทุกแห่ง ผู้ป่วยไม่ต้องไปโรงพยาบาลแต่เช้ามืด ผู้ป่วยที่ต้องเจาะเลือดตรวจโรค ก็สามารถทำได้ที่คลินิกหรือศูนย์สาธารณสุขใกล้บ้าน  

ผู้ป่วยติดเตียงและผู้ป่วยในระยะสุดท้ายของชีวิต ได้รับการดูแลจากผู้ช่วยพยาบาลทั้งที่บ้านและที่ศูนย์ชีวาภิบาล (Hospice) ของรัฐและเอกชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ลูกหลานยังสามารถไปประกอบอาชีพได้ตามปกติ ไม่ต้องลางาน การสาธารณสุขเชิงรุก เช่น การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกฟรีในเด็กหญิงอายุ 9-11 ปี และฉีดวัคซีนให้ผู้หญิงที่ยังไม่ติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV : Human Papilloma Virus) อีกทั้งยังตรวจคัดกรองพยาธิใบไม้ในตับ และไวรัสตับอักเสบ-ซี รับยา รักษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
            
ปี 2570 โรงพยาบาลของรัฐถูกกระจายอำนาจในรูปแบบองค์การมหาชนที่ท้องถิ่นและชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารโรงพยาบาล มีการจัดสรรบุคลากรทางการแพทย์ตามปริมาณงาน และเกิดการลงทุนครั้งใหญ่ในการพัฒนาอุปกรณ์การแพทย์ให้ทันสมัยในทุกระดับตั้งแต่ตำบลถึงมหานคร รวมทั้งมีการฝึก อ.ส.ม. ให้เป็นพยาบาลรัดับต้น  ประจำทุกหมู่บ้าน ส่วนในกรุงเทพมหานคร มีโรงพยาบาลประจำเขตทั้ง 50 เขต 

กาง \'นโยบายพรรคเพื่อไทย\' หลัง \'เศรษฐา ทวีสิน\' ได้รับโหวตเป็นนายกฯ คนใหม่

  • นโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุ 3 แสนล้านบาท

พรรคเพื่อไทย เคยหาเสียงไว้ว่าจะใช้งบประมาณสวัสดิการผู้สูงอายุ 300,000 ล้านบาท เพื่อจัดสวัสดิการผู้สูงอายุให้เพียงพอต่อการดำรงชีพ รวมทั้งมีนโยบายสนับสนุนจ้างงานผู้สูงอายุวงเงิน 500 ล้านบาท เพื่อให้ผู้สูงอายุยังอยู่ในตลาดแรงงานได้และมีรายได้หลังจากเกษียณแล้ว

 

ข้อมูลจาก : พรรคเพื่อไทย