กอนช. เตือน 20-25 ส.ค.นี้ 21 จว. เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ประกาศ ฉบับที่ 15 เตือน 21 จังหวัด เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ช่วงวันที่ 20-25 ส.ค.66
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ติดตามสภาพอากาศ พบว่าร่องมรสุมกำลังปานกลาง จะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมาก กอนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำด้วยฝนคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลากและพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่มบริเวณต้นน้ำ จากกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรธรณี พบว่าในช่วงวันที่ 20 – 25 สิงหาคม 2566 มีพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และพื้นที่ชุมชนเมืองที่เคยเกิดน้ำท่วมขังไม่สามารถระบายได้ทัน ดังนี้
ภาคเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่
- จังหวัดเชียงราย (อำเภอเมืองเชียงราย ขุนตาล และแม่สรวย)
- จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภอฝาง และแม่อาย)
- จังหวัดน่าน (อำเภอนาหมื่น และเวียงสา)
- จังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอเขาค้อ)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่
- จังหวัดหนองคาย (อำเภอเมืองหนองคาย เฝ้าไร่ โพนพิสัย และรัตนวาปี)
- จังหวัดบึงกาฬ (อำเภอบุ่งคล้า)
- จังหวัดนครพนม (อำเภอ ท่าอุเทน และศรีสงคราม)
- จังหวัดสกลนคร (อำเภอพรรณานิคม สว่างแดนดิน และอากาศอำนวย)
- จังหวัดอุดรธานี (อำเภอบ้านดุง)
- จังหวัดอำนาจเจริญ (อำเภอเมืองอำนาจเจริญ และหัวตะพาน)
- จังหวัดสุรินทร์ (อำเภอเมืองสุรินทร์)
- จังหวัดศรีสะเกษ (อำเภอเมืองศรีสะเกษ)
- จังหวัดอุบลราชธานี (อำเภอเขื่องใน)
ภาคตะวันออก 2 จังหวัด ได้แก่
- จังหวัดจันทบุรี (อำเภอเมืองจันทบุรี แก่งหางแมว และขลุง)
- จังหวัดตราด (อำเภอเมืองตราด เขาสมิง บ่อไร่ คลองใหญ่ และเกาะช้าง)
ภาคใต้ 6 จังหวัด ได้แก่
- จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง และกะเปอร์)
- จังหวัดพังงา (อำเภอเมืองพังงา คุระบุรี ตะกั่วป่า กะปง ทับปุด และท้ายเหมือง)
- จังหวัดภูเก็ต (อำเภอเมืองภูเก็ต กะทู้ และถลาง)
- จังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตูล และละงู)
- จังหวัดตรัง (อำเภอเมืองตรัง ปะเหลียน และวังวิเศษ)
- จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอพนม และบ้านตาขุน)
ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้
1. ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ หรือพื้นที่ชุมชนเมืองที่เคยเกิดน้ำท่วมขังไม่สามารถระบายได้ทัน
2. เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ลอกท่อระบายน้ำ และบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที