ชูวิทย์ เปิดใจป่วยมะเร็ง เหลือเวลา 8 เดือน ขอทำประโยชน์ในวาระสุดท้ายของชีวิต

ชูวิทย์ เปิดใจป่วยมะเร็งตับ เหลือเวลา 8 เดือน ลั่นขอทำประโยชน์ในวาระสุดท้ายของชีวิต

'ชูวิทย์' เปิดใจหลังป่วยมะเร็งตับ หมอระบุเหลือเวลา 8 เดือน ลั่นขอทำประโยชน์ในวาระสุดท้ายของชีวิต พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจ

วันนี้ (4 สิงหาคม 2566) เมื่อเวลา 20.20 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก 'ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์' พร้อมระบุแคปชั่นว่า 'เวลา 2 ทุ่ม ระยะเวลา 8 เดือน' โดยนายชูวิทย์ได้เล่าถึงอาการป่วย 'มะเร็งตับ' หมอบอกเหลือเวลา 8 เดือน 

 

 

ชูวิทย์ เผยถึงอาการป่วยโรคมะเร็งตับว่า ในระยะเวลา 8 เดือนที่ผมมีชีวิตอยู่นั้น มันจะเป็น 8 เดือนที่ผมจะใช้ชีวิตทุกๆวันให้มีความสุข ทุกๆวันจะเป็นวันที่ผมได้กำไร ทุกๆวันที่ผมอยู่ก็จะเป็นวันสุดท้ายเสมอ ใน 8 เดือนสุดท้ายตามที่หมอกำหนดว่า ผู้ที่เป็นมะเร็งตับในระยะที่ 4 หรือก้าวเข้ามาสเต็ปที่ 4 หรือที่เรียกว่า Advanced Stage ก็คือระยะแพร่กระจายนั่นเอง มีคนแนะนำผมเยอะมากให้ไปหาหมอคนนั้นหมอคนนี้ หรือแม้กระทั่งไปหาต่างประเทศ หรือพระสงฆ์องค์เจ้า 

 

เมื่อผมตัดสินใจแล้วว่า การใช้ชีวิตในวาระสุดท้ายเป็นชีวิตที่ใช้อย่างมีความสุข การมีความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความสุขของคนบางคนในวาระสุดท้ายก็อาจจะอยู่กับลูกกับหลาน บางคนก็เข้าวัดเข้าวา ฟังธรรม อยู่กับคนที่รักหรือใช้เวลากับคนที่เรารักมากที่สุด ในวาระสุดท้ายผมจะใช้ชีวิตในความสุขที่ผมเชื่อ และผมใช้เพราะเห็นว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ทำให้ผมมีความสุข มันเป็นความสุขส่วนตัวไม่สามารถไปอธิบายให้ใครฟังได้ และก็ไม่ได้แนะนำให้ใครมาทำตามเพราะมันเป็นชีวิตวาระสุดท้าย เป็นวาระที่ท่านต้องเลือกเอง ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ ตราบนั้นผมก็ยังต่อสู้ ต่อสู้กับความอยุติธรรม ต่อสู้กับโรคร้าย ต่อสู้กับสิ่งอื่นๆเยอะแยะที่อนาคตอันใกล้นี้กำลังจะเกิดขึ้น ดังนั้นผมต้องการกำลังใจ 

 

เมื่อวันที่ผมไปดินแดนที่สุขสงบ ดินแดนสุขาวดี ดินแดนนี้เป็นดินแดนที่ผมเชื่อมั่นว่าเป็นดินแดนแห่งความสงบที่แท้จริง ในดินแดนแห่งนี้ผมจะได้อยู่ในอ้อมกอดของพระเจ้า ดินแดนนี้เป็นดินแดนที่ทุกๆคนต้องไป และไม่มีใครสามารถที่จะช่วยได้ ไม่มีใครที่สามารถไปกับเราได้ 

 

ชูวิทย์ เปิดใจป่วยมะเร็ง เหลือเวลา 8 เดือน ขอทำประโยชน์ในวาระสุดท้ายของชีวิต

 

 

ชูวิทย์ เผยอีกว่า กราบขอบพระคุณทุกๆท่านที่ให้กำลังใจผม แต่กำลังใจผมนั้นมันเกิดจากตัวผมเองทั้งสิ้น ตราบใดที่ผมยังมีกำลังใจในการต่อสู้อยู่ เพราะผมยึดสุภาษิตว่า 'ชีวิตกับสู้นั้นของคู่กัน' วันนี้ผมอาจจะสู้กับโรคร้าย วันก่อนผมอาจจะสู้กับจีนเทา วันต่อมาผมก็อาจจะสู้กับความไม่ยุติธรรม แต่ท้ายสุดแล้วเราก็ต้องมาสู้กับตัวเราเอง ณ วันที่เราแก่เฒ่า เมื่อวันที่เราเจ็บป่วย แน่นอนครับลูกหลานคนใกล้ชิดก็อาจจะให้กำลังใจผม นั่นเป็นเพียงน้ำหล่อลื่นในจิตใจ ชโลมจิตใจให้เติบโตเดินทางต่อไปได้ 

 

การเดินทางของผมนั้นใกล้จะไปสู่จุดสิ้นสุดแล้ว ท่านไม่ต้องเสียใจ เพราะดินแดนที่ผมไปนั้นเป็นดินแดนของความสุข เมื่อผมได้เวลาในการที่ผมไปอยู่จุดสิ้นสุดของชีวิต ก็นับว่าเป็นจุดสิ้นสุดที่มีความสุข นั่นคือปรัชญาในการใช้ชีวิตของผม ขอขอบพระคุณทุกๆท่านที่ให้กำลังใจ ให้น้ำหล่อเลี้ยงผม ท้ายสุดแล้วผมขอส่งความปรารถนาดีไปยังทุกคน วันนี้ผมเข้านอนก็ไม่รู้ว่าเช้าพรุ่งนี้จะตื่นขึ้นมาปรกติหรือไม่ หรือในวันถัดไปจะตื่นขึ้นมาอย่างมีสติหรือไม่ อย่างไรก็แล้วแต่ในเวลานี้ วันนี้ ผมมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ทุกประการ การที่ผมนำเรื่องต่างๆมาเล่าให้ท่านฟังก็เป็นเพียงส่วนนึงในชีวิตอันโลดโผนของผม ตั้งแต่เด็ก ยันโต ยันแก่ 

 

ชูวิทย์ เปิดใจป่วยมะเร็ง เหลือเวลา 8 เดือน ขอทำประโยชน์ในวาระสุดท้ายของชีวิต

 

ในโลกของโซเชียลนั้นทุกวันนี้เราได้ประโยชน์ เพราะสิ่งที่ผมพูดไว้ก็เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ดูได้ฟัง ก็นับว่าเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ในระยะเวาลาอันเป็นเทียนที่ใกล้จะดับนี้ สิ่งที่เป็นประโยชน์ก็คือพวกท่านนี่แหละ วันใดวันนึงผมต้องไป คนรุ่นหลังจะได้จดจำผมไว้ไม่ว่าจะในภาพไหน จะตำหนิหรืออะไรก็ตาม ผมจะกลายเป็นภาพประวัติศาสตร์เล็กๆส่วนนึงของท่าน หรืออาจจะเป็นภาพขาวดำที่เลือนรางและซีดจางหายไปในความทรงจำของท่าน 

 

อย่างไรก็ดีวันนี้ผมจำเป็นที่จะต้องกล่าวว่า ระยะเวลาอันไม่นานของผมนั้น ผมจะทำประโยชน์ในช่วงสุดท้ายให้กับท่าน เท่าที่จะทำได้ เท่าที่ร่างกายผมจะอำนวย เท่าที่พระเจ้าจะให้ผมกำหนดชีวิตโชคชะตาตัวผมได้ ผมยังมีความทรงจำ ยังสามารถที่จะบรรยาย แล้ววันนึงเมื่อผมไม่อยู่แล้วท่านจะจดจำผมในลักษณะไหนมันก็ต้องแล้วแต่ท่านครับ ขอขอบคุณครับ ราตรีสวัสครับ สวัสดีครับ 

 

ชูวิทย์ เปิดใจป่วยมะเร็ง เหลือเวลา 8 เดือน ขอทำประโยชน์ในวาระสุดท้ายของชีวิต