'หลวงพี่น้ำฝน' เมินตอบโต้ แพรรี่ - จตุรงค์ ขอใช้หลักธรรมทำงานเพื่อญาติโยม

'หลวงพี่น้ำฝน' เมินตอบโต้ แพรรี่ - จตุรงค์ ขอใช้หลักธรรมทำงานเพื่อญาติโยม

'หลวงพี่น้ำฝน' ไม่ขอต่อความยาว แพรรี่ - จตุรงค์ ปมพระพยอม ลั่นผ่านอะไรมาเยอะแล้ว ขอใช้ศีล สมาธิ ปัญญา ช่วยเหลือชาวบ้านที่มาใช้บริการ รพ.วัดไผ่ล้อม จะเกิดประโยชน์กว่า

วันนี้ 28 กรกฎาคม 2566 จากกรณี 'แพรรี่' หรือ นายไพรวัลย์ วรรณบุตร และนายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา ได้ออกรายการดัง 'โหนกระแส' จากกรณีที่ พระพยอม กัลยาโน เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองและมีการนำคลิปไปแชร์ต่อในโลกออนไลน์ซึ่งมีการพาดพิงไปถึงมาตรา 112 ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปในวงกว้าง 

 

 

กระทั่ง พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ 'หลวงพี่น้ำฝน' เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้ออกมาแสดงความเห็นว่าการเป็นพระ มีคำสั่งของมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามพระภิกษุ สามเณร ไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้องทางการเมือง และเป็นประเด็นร้อนที่สังคมจับตามอง 

 

โดย หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้ดูรายการที่มีการนำไปเสนอ เพราะวันนี้ได้ออกไปกิจนิมนต์ช่วยมอบทุนการศึกษาเนื่องในวันมงคล โดยมีการเชิญไปออกราย ซึ่งการที่ถูกกล่าวหาว่ามีการใช้เดรัจฉานวิชาในการลงนะหน้าทองและการขายกระเป๋า ทำผ้าพันคอ ปลุกเสกในวัดไผ่ล้อม แม้ว่าจะยังไม่ได้ดูรายการดังกล่าว แต่ก็พอทราบในรายละเอียดมาบ้างจากลูกศิษย์อาตมา โดยไม่ได้สนใจหรือมีความโกรธอะไร เพราะถ้าไม่ปลงและเอามาถือเป็นความโกรธก็คงจะมีเรื่องมีราวกันไปใหญ่โต 

 

 

เราต้องใช้คำว่าปล่อยวางให้ได้ เพราะถ้าปล่อยไม่ได้ก็จะเกิดคำว่า 'บันดาลโทสะ' แน่นอน ส่วนคำว่าเดรัจฉานวิชา คือพูดตรงๆว่าถ้าลูกศิษย์ของอาตมามาได้ยินเขาจะรู้สึกอย่างไร อาตมาเคยไปกล่าวหาตำหนิเค้ามั้ยว่าเป็นนั่นนี่ ก็ไม่เคย วันนี้เราดับได้แล้ว นั่นคือบันดาลโทสะ ซึ่งก็เป็นบ่อเกิดแห่งหายนะ วันนี้ให้ดูที่การกระทำ วัดไผ่ล้อมไม่เคยไปเรี่ยรายบอกบุญใคร ถ้าโยมไม่เคารพศรัทธาในตัวอาตมาจะช่วยเหลือคนได้อย่างไร ทั้งคนเป็น คนตาย ทั้งมีโรงพยาบาลในวัดไผ่ล้อม ได้ช่วยเหลือคนได้ 400 - 500 คนต่อวัน เรามาทำตรงนี้จะมีประโยชน์กว่า และให้มองว่าพวกนั้นไร้ค่า เพราะมันไม่มีประโยชน์ 

 

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวต่ออีกว่า อาตมาได้ให้ความเห็นในฐานะประธานคณะทำงานแก้ไขข้ออธิกร ภาค 14 ก็พูดไปตามหลักการ แต่ก็มีเรื่องที่มันหมิ่นเหม่แต่ก็ไม่อยากจะพูด ส่วนคำถามที่ถามว่าจะไปโจมตีฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ บอกได้ว่าพระต้องเป็นมัชฌิมาปฏิปทา คือต้องเป็นสายกลาง เราจะไปเอนเอียงไม่ได้ ใครมาขอศีลขอพรเราก็รดน้ำมนต์ให้พรไปตามหน้าที่พระ ซึ่งอยากจะบอกว่าจะดีจะชั่วก็อยู่ที่ตัวทำ จะสูงจะต่ำก็อยู่ที่เราทำตัว เค้าเรียกว่าพระนักเลงเพราะอาตมาอยู่กับวงการนักเลงมาตั้งแต่ 9 ขวบ และบวชตอน 20 ปี บวชมาแล้ว 30 ปี ได้พบเจอเหตุแบบนี้มาตลอด สิ่งที่จะช่วยได้คือหลักธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และบรมครูบาอาจารย์คือ 'หลวงพ่อพูล' ท่านก็สอนให้อยู่ในศีล สมาธิ 
ปัญญา ถ้าอาตมาทำตัวไม่ดีคงไม่มีใครมาเคารพศรัทธาหรอก 

 

\'หลวงพี่น้ำฝน\' เมินตอบโต้ แพรรี่ - จตุรงค์ ขอใช้หลักธรรมทำงานเพื่อญาติโยม

 

ข่าว ปนิทัศน์/ ปณิดา มามีสุข จ.นครปฐม