ยิงสนั่น รัวกลางร้านอาหารชลบุรี ตาย 1 เจ็บสาหัส 1 โมโหทวงหนี้ 1 แสน

ยิงสนั่น รัวกลางร้านอาหารชลบุรี ตาย 1 เจ็บสาหัส 1 โมโหทวงหนี้ 1 แสน

โมโหจัด ฉุนถูกทวงเงินกลางร้านอาหารที่ชลบุรี ชักปืนยิง คนเจ็บกัดฟันสู้แย่งปืน สิ้นเสียงชุลมุน เจ้าของปืนดับ ตาย 1 เจ็บสาหัส 1 ปมหนี้ 1 แสน

กรณียิงสนั่น รัวกลางร้านอาหาร ชลบุรี ตายและเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 16 กรฎาคม 2566 เวลา 20.00 น. พ.ต.อ.ถาวร นาใจเย็น ผู้กำกับการ สภ.พนัสนิคม พร้อม พ.ต.ต.ชานนท์ ลิ้มสิริวัฒนกุล สารวัตร(สอบสวน) สภ.พนัสนิคม รับแจ้งมีเหตุยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 รายและเสียชีวิต 1 ราย ในร้านอาหารดาวอีสาน เลขที่ 50 หมู่ 8 ต.ทุ่งขวาง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี 

หลังรับแจ้งรีบไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ภัยสว่างที่เกิดเหตุพบ เฮียเซี้ยง นายไพโรจน์ อายุ 51 ปี บาดเจ็บถูกยิงเข้าลำตัว 5 นัด 

ยิงสนั่น รัวกลางร้านอาหารชลบุรี ตาย 1 เจ็บสาหัส 1 โมโหทวงหนี้ 1 แสน

นัดที่ 1.โดนช่วงบริเวณตาด้านซ้าย 
นัดที่ 2.โดนช่วงจมูกช่วงบน
นัดที่ 3.โดนช่วงข้างแก้มด้านซ้าย 
นัดที่ 4.โดนท้องด้านซ้าย 
นัดที่ 5.โดนปลายมือข้างขวาช่วงบริเวณนิ้วนิ้วชี้เป็นแผลฉีกขาดอาการสาหัสกู้ภัยเร่งปฐมพยาบาล

เบื้องต้นนำตัวส่งโรงพยาบาลพนัสนิคมทันที

ตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบร่าง นายสุน (ยังไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) อายุประมาณ 55 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณข้างร้านทางเดินไปห้องน้ำ ข้างกันพบอาวุธปืนยี่ห้อโคลท์ ออโต้ แบบแม็กกาซีนขนาด .380 ตกอยู่ มีเลือดเลอะเต็มกระบอก

ยิงสนั่น รัวกลางร้านอาหารชลบุรี ตาย 1 เจ็บสาหัส 1 โมโหทวงหนี้ 1 แสน

สอบสวน ผู้เห็นเหตุการณ์และเข้าไปห้ามเหตุดังกล่าว เล่าว่า ผู้ตายได้ยืมเงินของนายไพโรจน์ คนเจ็บไป 1 แสนบาท แล้วก็ยังไม่คืน วันนี้มากินข้าวที่ร้านเป็นจังหวะบังเอิญที่มาเจอกัน นายไพโรจน์จึงได้เดินไปถามว่ายอดหนี้เงิน 1 แสนเมื่อไหร่จะคืน แค่นั้นนายสุนก็ชักปืนออกมายิงนายไพโรจน์ จากนั้นนายไพโรจน์ ก็แย่งปืนสุนจนชุลมุนพอเสียงเงียบ

พบว่านายสุนนอนแน่นิ่งไปแล้วแต่นายไพโรจน์ นอนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด จังหวะนั้นคนในร้านต่างพากันแตกตื่นหนีตายกันตนเข้าไปช่วยห้ามก็โดนลูกหลงจนนิ้วเจ็บ

ด้านเจ้าของร้านเล่าว่า ตอนเกิดเหตุตนทำอาหารอยู่ในครัว ตอนนั้นคนเต็มร้าน พอมีเสียงปืนรัวประมาณ 5-6 นัด คนก็วิ่งหนีตายไปคนละทางตนก็หลบในครัวจนเสียงเงียบ จึงออกไปดูเห็นคนถูกยิง ส่งนลูกค้าที่มาทานอาหารหนีกระเจิงหมด

เบื้องต้น ตำรวจจะสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จากนายไพโรจน์คนเจ็บอย่างละเอียดอีกครั้ง และรอตรวจสอบว่าอาวุธปืนเป็นของใครและใครเป็นคนยิงก่อนเพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

คนเจ็บคดียิงกันสนั่นร้านอาหารชลบุรี ปลอดภัยแล้ว

วันที่ 17 กรกฎาคม 2566 จากกรณีมีเหตุยิงกันภายในร้านอาหารดาวอีสาน อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี เมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน คือนายสิทธิโชค คุณะสารพันธ์ หรือสุน อายุ 56 ปี และมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือนายไพโรจน์ ลักษณวิเศษกุล หรือ เซี้ยง อายุ 51 ปี มีบาดแผลถูกยิง 5 นัด กู้ภัยปฐมพยาบาลเบื้องต้นและนำตัวส่งโรงพยาบาลพนัสนิคม โดยในที่เกิดเหตุบริเวณทางเดินไปห้องน้ำของร้าน ซึ่งเป็นจุดพบศพ ยังมีอาวุธปืนแบบแม็กกาซีน ขนาด .380 ซุปเปอร์ ตกอยู่

ยิงสนั่น รัวกลางร้านอาหารชลบุรี ตาย 1 เจ็บสาหัส 1 โมโหทวงหนี้ 1 แสน

ส่วนสาเหตุมาจากผู้ตายยืมเงิน นายไพโรจน์ จำนวน 1 แสนบาท แล้วยังไม่คืน จนวันเกิดเหตุมากินข้าวที่ร้าน เป็นจังหวะบังเอิญที่มาเจอกัน นายไพโรจน์จึงได้เดินไปถามว่าเมื่อไหร่จะคืน ทางนายสุนก็ชักปืนออกมายิงนายไพโรจน์ กระสุนถากไป จึงเกิดการชุลมุนแย่งปืน จนเสียงเงียบก็พบว่านายสุน นอนแน่นิ่งไปแล้ว ขณะที่นายไพโรจน์นอนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด ขณะเกิดเหตุคนในร้านต่างพากันแตกตื่นหนีตายกัน

ความคืบหน้าวันนี้ พ.ต.อ.ถาวร นาใจเย็น ผู้กำกับการ สภ.พนัสนิคม ได้มีการเรียกประชุมพนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เพื่อเร่งรัดคดีและติดตามคืบหน้าเพื่อปิดคดี จากนั้นเปิดเผยว่า คดีไม่ได้ซับซ้อนอะไร มีตัวละครเพียงสองตัว เป็นหนี้เป็นสินกัน มาเจอกันโดยบังเอิญ และมีการทวงหนี้ จนเกิดถึงขั้นใช้อาวุธปืน เท่าที่รวบรวมพยานหลักฐานไม่ใช่การเมาแล้วทะเลาะกัน

ยิงสนั่น รัวกลางร้านอาหารชลบุรี ตาย 1 เจ็บสาหัส 1 โมโหทวงหนี้ 1 แสน

ส่วนที่มีการปล่อยข่าวว่ามีนกต่อล่อมานั้น ในทางการสืบสวนขณะนี้ยังไม่พบข้อมูลดังกล่าว แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นยังอยู่ในขั้นตอนสอบสวนผู้เกี่ยวข้องในประเด็นที่ขาดเหลือต่างๆ ทั้งพยานในที่เกิดเหตุ ญาติฝ่ายคนยิง และญาติคนตาย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย และรอผลการชันสูตรของนิติเวช เพื่อทราบถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นอย่างแน่ชัด ว่าเกิดจากกระสุนปืนหรือไม่ แต่บาดแผลส่วนหนึ่งเกิดจากของแข็งกระแทก

ส่วนอาวุธปืนเป็นของใครนั้น พบแม็กกาซีนแบบเดียวกับปืนที่พบอยู่ในกระเป๋าของผู้ตาย สำหรับนายไพโรจน์ ตอนนี้อาการปลอดภัยพ้นขีดอันตรายแล้ว มีตำรวจดูแลอยู่ ซึ่งจะสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อทราบถึงสาเหตุที่แน่ชัด ก่อนจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย