เจ้าของแบรนด์กลูต้า เตรียมฟ้อง 2 แม่ลูก อ้างกินแล้วตรวจเจอฉี่ม่วง

เจ้าของแบรนด์กลูต้า เตรียมฟ้อง 2 แม่ลูก อ้างกินแล้วตรวจเจอฉี่ม่วง

เจ้าของแบรนด์กลูต้า ที่ตกเป็นข่าว นร.สอบติดเภสัชฯ ปมอ้างกินผลิตภัณฑ์ ตรวจปัสสาวะพบมีสารยาบ้า เตรียมฟ้องกลับ 2 แม่ลูก เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท ยันผลิตภัณฑ์ปลอดภัย

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีว่าที่นักศึกษาคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตรวจพบสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งคาดว่าสารเสพติดดังกล่าว อาจจะมาจากผลิตภัณฑ์กลูต้าชื่อดังรายหนึ่งที่จำหน่ายในโซเชียลมีเดีย ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ พร้อมด้วย น.ส.อภิรมณ อายุ 27 ปี กรรมการบริษัทแห่งหนึ่ง เจ้าของแบรนด์กลูต้า ที่ตกเป็นข่าวเข้าพบทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เจ้าของเพจทนายคลายทุกข์ เพื่อแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลลชนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงแนวทางการดำเนินการทางกฎหมาย เนื่องจากข่าวที่นำเสนอออกไปทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ของบริษัทเพื่อความโปร่งใสต่อหน้าสื่อมวลชนด้วย 

โดย น.ส.อภิรมณ กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งจากแม่ของเด็กเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมว่า ลูกสาวได้กินกลูต้าของบริษัทตัวเอง แล้วตรวจพบสารเสพติด พอตนได้รับทราบก็รีบสอบถามข้อเท็จจริงและแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าจะรีบตรวจสอบผลิตภัณฑ์ตัวเอง ทางแม่น้องบอกว่า ลูกเป็นคนดีและไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด อีกทั้งกำลังเข้ามหาวิทยาลัยแต่ผลตรวจร่างกายก่อนรายงานตัว จึงไม่สามารถเข้าเรียนได้ แม่น้องเลยถามตนว่าจะให้ความช่วยเหลือเยียวยาอย่างใด ยืนยันว่า ตนเปิดขายกลูต้ามาเป็นระยะเวลาปีกว่าแล้ว ก็ไม่เคยปรากฎเจอปัญหาสารแปลกปลอมปนเปื้อนเหมือนเคสนี้ ดังนั้นจึงจะขอไปตรวจสอบกลูต้าของตนก่อนเพื่อหาทางช่วยเหลือเยียวยาต่อไป ซึ่งทางแม่ก็กล่าวว่าจะนำกลูต้าไปตรวจสอบซ้ำเช่นกัน ทางตนก็ยินดี 

ปรากฎว่าในวันถัดมา กลูต้าของตนตกเป็นข่าวว่ามีสารเสพติดโดยการให้ข่าวของแม่ลูกคู่นี้ ทั้งที่คุยกันแล้วว่าจะนำผลิตภัณฑ์ไปตรวจสอบก่อน ทำให้เกิดความเสียหายกับบริษัทอย่างมากและเสียชื่อเสียง อีกทั้งข่าวที่นำเสนอออกไปโดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ทำให้หลายคนและเกิดข้อสงสัย จนส่งผลกระทบทำให้ลูกค้ายกเลิกออเดอร์ไปมากกว่า 50 ราย ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมอย่างมากและทำให้ธุรกิจได้รับความเสียหาย 
 

น.ส.อภิรมณ กล่าวอีกว่า ผลิตภัณฑ์กลูต้า ตนได้รับการยืนยันจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และใบรับรองจากโรงงานแล้วว่าไม่พบสารเสพติดหรือสารปนเปื้อน อีกทั้งหลังเป็นข่าวก็นำส่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์อีกรอบเมื่อ 29 พ.ค. เพื่อความบริสุทธิ์ใจ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ได้ขอชะลอการผลิตแล้ว

น.ส.อภิรมณ ยอมรับว่า พอทราบข่าวก็สติแตก กระทบกับธุรกิจตัวเองอย่างมาก ขอยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ตนเองปลอดภัย บริสุทธิ์ใจ แต่หลังจากนี้คงต้องใช้สิทธิทางกฎหมายเพื่อป้องกันตัวเอง ธุรกิจของตนกำลังเติบโต แต่ข่าวที่ออกมาทำให้ธุรกิจเกือบพังทลาย แต่ยังให้โอกาสเจรจา ขอให้แม่ลูกติดต่อกลับมาพูดคุย เพราะจนถึงตอนนี้ยังไม่มีการติดต่อกลับมาเลย 

ด้านทนายเดชา ระบุว่า ได้รับมอบหมายให้เตรียมฟ้องดำเนินคดีกับแม่ลูกคู่นี้ ข้อหากล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชือเสียงของบริษัทตนเอง เสียชื่อเสียง แผนการตลาดธุรกิจต่าง ๆ  ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และตาม พ.ร.บ.คอม รวมทั้งฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 50 ล้านกับแม่ลูกคู่นี้ โดยให้ไปพิสูจน์ความจริงที่ศาล ทั้งยังมองว่า แม่คู่กรณีนี้ยังคงให้ข่าวไม่หยุด ชัดเจนว่ามีเจตนาไขข่าวว่ากลูต้ามีสารเสพติด ถือว่ารุนแรงและทำให้บริษัทเสียหาย แม้ผลของลูกออกมาเป็นลบก็ยังไม่หยุด ดูแล้วไม่น่าจะเป็นการให้ข่าวด้วยความเป็นธรรมโดยไม่ตรวจสอบอย่างละเอียดก่อน ทั้งนี้ จะให้ระยะเวลาแม่ลูกติดต่อกลับมาสักระยะก่อน หากไม่รีบติดต่อกลับมาจะฟ้องศาลจังหวัดบุรีรัมย์ทันที 

จากนั้น มีการสาธิตการทานกลูต้าเพื่อความบริสุทธิ์ปลอดภัย โดยให้ผู้บริโภคตัวอย่างซึ่งทานเป็นประจำมา 3 เดือน และทานครั้งล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาตอนเที่ยงคืนของวันนี้มาแล้ว 2 เม็ด ซึ่งผู้บริโภครายนี้ทานให้ดูอีกรอบจำนวน 2 เม็ดต่อหน้าสื่อ หลังจากนั้นก็นำผงในแคปซูลยาไปตรวจ โดยนำชุดตรวจยาเสพติดจาก สน.โคกคราม มาใช้สาธิต พบว่าจากการนำตัวอย่างน้ำละลายกลูต้า ชุดตรวจขึ้น 2 ขีดซึ่งแสดงผลว่า ไม่พบสารแอมเฟตามีนแต่อย่างใด ส่วนผลการตรวจปัสสาวะของตัวอย่างผู้บริโภครายนี้ พบว่าชุดตรวจขึ้น 2 ขีด ไม่พบสารเสพติดดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากนี้จะนำผลตรวจไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.โคกครามต่อไป