จับนักข่าวจีน! แอบอ้างชื่อ 'บิ๊กโจ๊ก' เรียกรับเงินผู้ต้องหาคดีอุ้มบุญ 33 ล.

จับนักข่าวจีน! แอบอ้างชื่อ 'บิ๊กโจ๊ก' เรียกรับเงินผู้ต้องหาคดีอุ้มบุญ 33 ล.

จับนักข่าวเชื้อสายจีน แอบอ้างชื่อ 'บิ๊กโจ๊ก' เรียกรับเงินช่วยเหลือคดี 'นวพร' ผู้ต้องหาคดีอุ้มบุญ ขณะที่เจ้าตัวยังให้การปฏิเสธ ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว 3.5 ล้านบาท

จากเหตุการณ์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ 'บิ๊กโจ๊ก' รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวน ขยายผล เครือข่ายการสวมบัตรชมพู และขบวนการอุ้มบุญ และสามารถจับกุม น.ส.นวพร (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี ได้เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ทั้งในจีน ไทย และกัมพูชา เป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปี และพบว่ามีทรัพย์สินที่ดิน รถหรู นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นคนประสานงานอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มทุนจีนสีเทาอีกด้วย

 

 

ล่าสุด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้พบว่าได้มีผู้สื่อข่าวไทยเชื้อสายจีน ลูกครึ่งไทย-ไต้หวัน เข้าไปเกี่ยวข้องแอบอ้างชื่อตนเรียกรับเงินกับทาง น.ส.นวพร ด้วยข้ออ้างไม่ต้องถูกดำเนินคดี โดยจากการสอบปากคำ น.ส.นวพร ได้ให้การเพิ่มเติมว่ามีการแอบอ้างชื่อตน โดยเรียกรับเงินจำนวนทั้งหมด 33 ล้านบาท แต่ น.ส.นวพร ได้จ่ายเงินให้ไปจำนวน 14 ล้านบาท

 

'คนที่แอบอ้างพบว่าเป็นผู้สื่อข่าว มีสัญชาติไทย เชื้อชาติจีน ซึ่งเราใช้ประสานงานกับทางจีน เพราะนักข่าวสาวคนนี้สามารถใช้ภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่วและเป็นบุคคลมีชื่อเสียงในฝั่งประเทศจีน แต่เมื่อกระทำผิด ต่อให้เป็นบุคคลใกล้ชิด มากกว่านี้ก็ต้องดำเนินการเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เมื่อได้ข้อมูลได้ทำการส่งชุดสืบสวน สอบสวนข้อมูล ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายจับในความผิด เรียกรับ หรือยอมจะรับผลประโยชน์ใดๆ เพื่อจะให้เจ้าพนักงานของรัฐกระทำการใด ที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่'

 

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุอีกว่า ในการแอบอ้างชื่อตนนั้น ใช้คำกล่าวอ้างว่า จะสามารถช่วยเหลือทางด้านคดีได้ โดยหลังศาลอนุมัติหมายจับ ได้ส่งชุดสืบสวนเข้าจับกุมตัวได้แล้ว เมื่อวานนี้(26 พ.ค.) ที่บริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ กทม.

 

'ต้องบอกว่า ณวันนี้คนใกล้ตัว ไม่ว่าใครก็ตาม ที่มีการแอบอ้างชื่อผม เราไม่ละเว้น ไม่ว่าจะเป็นนักข่าว หรือลูกน้อง ถึงแม้ว่าเราจะรู้จัก เมื่อแอบอ้างชื่อไปเรียกรับผลประโยชน์จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด ในส่วนของ น.ส.นวพร นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานกับทางกระทรวงมหาดไทย ทำการเพิกถอนสัญชาติ รวมถึงไล่เส้นทางการเงินหาความเชื่อมโยงบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด'

 

อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวว่า จากการสอบปากคำนักข่าวสาวคนดังกล่าวให้การปฏิเสธในชั้นพนักงานสอบสวน พร้อมยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวสู้คดีในชั้นศาล พนักงานสอบสวนจึงอนุญาตให้ประกันตัวในวงเงิน 3.5 ล้านบาท

 

รายงานข่าวระบุว่า สำหรับนักข่าวสาวรายนี้เคยทำหน้าที่ล่ามให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แถลงปิดคดีขโมยปืนที่ สภ.ปากเกร็ด และแปลการแถลงข่าวหม่อมราชวงศ์รายหนึ่งเอี่ยวในคดีอุ้มบุญคนจีนอีกด้วย